ทำเนียบฯ 26 มี.ค.-นายกฯ ปัดตอบประเด็นการเลือกตั้ง ระบุไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล ขอขอบคุณประชาชนออกมาเลือกตั้ง แนะอ่านหนังสือ “สู่จุดจบ” เกี่ยวกับการเดินหน้าพัฒนาประเทศ และขอเชิญชวนทุกคนร่วมจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างสมพระเกียรติ บ้านเมืองสงบเรียบร้อย
ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบคำถามของสื่อมวลชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง การจัดตั้งรัฐบาล และคะแนนเสียงของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล เพราะถือเป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่แสดงพลังออกมาเลือกตั้ง และจะตั้งใจบริหารงานในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ตามรัฐธรรมนูญ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อทุกคนให้ความสนใจและร่วมกันทำให้การเลือกตั้งผ่านไปด้วยความเรียบร้อยแล้ว วันนี้อยากให้ทุกคนกลับมาร่วมกันจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่ประกอบด้วยหลายกิจกรรมที่จะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ซึ่งรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะทำงานในระดับจังหวัด โดยพระราชพิธีฯ จะเริ่มตั้งการพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในวันที่ 6 เมษายน เป็นต้นไป พิธีจะแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ตั้งแต่ช่วงก่อนพระราชพิธีฯ ในเดือนเมษายน ช่วงพระราชพิธีฯ เดือนพฤษภาคม และหลังจากนั้นจะเป็นกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งทุกคนต้องร่วมจัดพระราชพิธีฯ ให้สมพระเกียรติ บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีความรัก ความสามัคคี และอยากให้ใช้โอกาสนี้ ในการนำพาประเทศไทย ไปสู่ความสงบสันติอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แนะนำหนังสือ “สู่จุดจบ” ของ ดร.ไสว บุญมา พร้อมกับระบุว่า เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับจุดจบของทุกประเทศบนโลกใบนี้ หากเดินหน้าพัฒนาประเทศ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของแต่ละประเทศ แต่ละภูมิภาค โดยไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาติพันธุ์ ที่มีความแตกต่าง ก็จะมุ่งไปสู่จุดจบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีข้อมูลศึกษาวิจัยและเปรียบเทียบ
“อยากให้ทุกคนไปอ่านและศึกษาดู ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จำเป็นต้องนำมาใช้เพื่อลดความเสี่ยงและปัจจัยจากภายนอก และเมื่อช่วงเช้า ผมได้อ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป แต่มีข้อความสำคัญว่าทุกคนต่างมีความหวัง มีความฝัน แต่ทุกคนอาจปล่อยความหวัง ความฝันเหล่านี้ไป เหมือนปล่อยว่าวไปในอากาศ ซึ่งไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจะไปในทิศทางใด ซึ่งเปรียบเสมือนความหวังความฝันเหล่านั้นหลุดลอยไป ดังนั้นหากเปรียบเป็นประเทศ เราต้องทำทุกอย่างให้มีความเข้มแข็ง ทั้งเรื่องการปฏิบัติและเรื่องกฎหมาย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าในรูปแบบดังกล่าว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพมากที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ โดยรัฐบาลได้พยายามพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย วางแนวทางพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะล่าสุดมีการปรับปรุงแนวทางการบรรจุข้าราชการรุ่นใหม่ที่จะมีทั้งการสอบแข่งขันตามปกติ และสัดส่วน หรือโควต้า สำหรับผู้ที่มีความรู้ตรงกับความต้องการของภาครัฐ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ การวิจัย นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากการประเมินขององค์กรระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก ที่ระบุว่า ไทยมีอัตราการเจริญเติบโตในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาอย่างมั่นคงและมีฐานะทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง ขณะที่ภาคการเกษตร รัฐบาลวางแนวทางการแก้ปัญหา ทั้งราคาและโครงสร้างเพื่อให้เกิดความยั่งยืน เช่น การเพิ่มปริมาณการใช้ปาล์มน้ำมัน ยางพาราในประเทศ ที่สามารถช่วยดึงราคาได้อีกทาง นอกเหนือจากการส่งออก พร้อมทั้งมีโครงการบริหารจัดการน้ำรองรับพื้นที่การเกษตร ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม และที่สำคัญคือการดูแลประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม และทำให้ประชาชนมีความเข้มแข็ง มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“การที่ผมได้ชี้แจงเรื่องการทำงาน จะเห็นว่าไม่เกี่ยวเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการบ้าน การบริหารราชการแผ่นดิน ตราบใดที่ยังเป็นรัฐบาล ผมจะทำหน้าที่ไปเช่นนี้ให้เหมือน 5 ปีที่ผ่านมา และจะทำให้ดีขึ้น และอยากให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและให้ความร่วมมือ และวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ขึ้นอยู่กับประชาชน และขอขอบคุณประชาชนทุกคน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง รวมถึงข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดน ที่ต้องเสี่ยงชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้เรียกร้องค่าตอบแทนมากกว่าปกติ เพราะถือเป็นหน้าที่ และคนไม่ดีก็ต้องถูกดำเนินการ ตามพระบรมราโชวาท ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ได้อัญเชิญพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ให้คนดีปกครองบ้านเมือง หรือปฏิบัติราชการที่ต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างสมศักดิ์ศรี และเป็นข้าราชการที่ดีของแผ่นดิน ซึ่งแม้จะได้พระราชทานพระบรมราโชวาทมานานหลาย 10 ปีแล้ว ก็ยังมีความทันสมัยอยู่ และถือเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอดความเป็นอัตลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย สิ่งใดที่เป็นอัตลักษณ์ที่ไม่ดี การโกงกิน ทำผิดกฎหมาย เป็นบ่อเกิดของสังคมที่ไม่ปกติสุขมาโดยตลอด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนทุกวันศุกร์ ว่า ตนจะจัดรายการดังกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย ในวันที่ 29 มีนาคมนี้ ซึ่งจะเป็นการกล่าวขอบคุณในเรื่องต่าง ๆ เป็นครั้งสุดท้าย และหลังจากนั้น จะให้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการชี้แจงถึงการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การจัดรายการฯ ที่ผ่านมา เป็นการสื่อสารแนวความคิดวิสัยทัศน์ หรือแนวทางการแก้ปัญหาการทำงาน พร้อมทั้งเปรียบว่าได้ดีเบตมาตลอด 5 ปี โดยไม่มีใครมาร่วมดีเบตกับตน
“ขอให้ทุกคนติดตามการทำงานของรัฐบาลต่อไปว่าจะมีการแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างไร และผมเป็นกำลังใจให้กับทุกคน และทุกคะแนนเสียงของประชาชนที่ออกมาเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยต้องขอขอบคุณทุกคนด้วยใจจริง รวมถึงสื่อมวลชนทุกคน วันนี้ต้องบอกว่าผมมีความสบายใจมากขึ้น เพราะเคยได้กล่าวมาแล้วว่าประเทศไทยจะต้องเดินหน้า และผมไม่เคยรักษาหน้าหรือต้องการสืบทอดอำนาจ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง แต่กลไกอื่น ๆ นั้นก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และต้องเคารพเสียงของประชาชน ทั้งนี้ขออย่าให้เกิดการทะเลาะขัดแย้งกันอีก และขออย่าให้ความสนใจเรื่องการเมืองมากนัก เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย