บุรีรัมย์ 3 ก.ค. – ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ พิพากษา “ชูวิทย์” ผิดหมิ่นประมาท “เนวิน-ศักดิ์สยาม” กล่าวหาเท็จทุจริตสายสีส้ม-ฮุบที่ดินรถไฟ ตัดสินจำคุก 12 เดือน สารภาพลดโทษเหลือ 6 เดือน ศาลเห็นว่าอายุมาก มีโรคประจำตัว จึงเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นปรับ 200,000 บาท พร้อมสั่งให้ลงโฆษณาขอขมาโจทก์ในสื่อสิ่งพิมพ์ 7 วันติดต่อกัน
เมื่อวานนี้ (2 ก.ค.) ศาลจังหวัดบุรีรัมย์มีคำพิพากษาในคดีที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ (โจทก์ที่ 1) และนายเนวิน ชิดชอบ (โจทก์ที่ 2) ฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328
คดีนี้เกิดจากการที่จำเลยจัดแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2566 กล่าวหาโจทก์ทั้งสองว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยระบุว่ามีการเปลี่ยน TOR โดยมิชอบ วิ่งเต้นศาลปกครอง และรับเงินทอน 30,000 ล้านบาท พร้อมกล่าวหานายเนวิน ว่าฮุบที่ดินการรถไฟฯ เขากระโดง กว่า 5,000 ไร่ และใช้เงินหลวงสร้างสนามกีฬา ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือโครงการดำเนินการโดย รฟม. ตามมติ ครม. และคณะกรรมการตามกฎหมาย โดยรัฐมนตรีไม่มีอำนาจแทรกแซง ส่วนที่ดินเขากระโดง เป็นที่พิพาทที่ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิของราษฎรทั่วไป
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคำกล่าวหาของจำเลยไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน เป็นการใส่ความโจทก์ต่อสื่อมวลชน ใช้ถ้อยคำเหยียดหยาม เสียดสี และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชื่อเสียงของโจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณา ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 12 เดือน ลดโทษเหลือ 6 เดือน และเห็นว่าจำเลยอายุมาก มีโรคประจำตัว จึงเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นปรับ 200,000 บาท พร้อมสั่งให้ลงโฆษณาขอขมาโจทก์ในสื่อสิ่งพิมพ์ 7 วันติดต่อกัน และจำเลยให้คำมั่นต่อศาลว่าจะไม่กล่าวหาหรือใส่ความโจทก์และครอบครัวอีก
“ชูวิทย์” ชื่นชม ภท.ตัดสินใจไปเป็นฝ่ายค้าน แค่ผลักเบาๆ รัฐบาลก็ล้มแล้ว
หน้าเพจเฟซบุ๊กของนายชูวิทย์ วิพากษ์สถานการณ์การเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทย (รัฐบาล) VS พรรคภูมิใจไทย (ฝ่ายค้าน) โดยระบุว่าเป็นครั้งแรกที่พรรคภูมิใจไทยได้เป็นฝ่ายค้าน การเป็นฝ่ายค้านสามารถทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองได้มาก ไม่ใช่จ้องจะเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ถึงแม้ไม่ได้บริหารบ้านเมือง แต่สามารถทำประโยชน์โดยการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้ เป็นคุณประโยชน์ให้ฝ่ายบริหารต้องระวังตัว
นายชูวิทย์ ระบุด้วยว่า ในอดีตแค่ฝ่ายค้านคนเดียว อภิปรายด้วยกระดาษแผ่นเดียวในมือ ทำให้รัฐบาลล้มมาแล้วก็มี ยิ่งการที่พรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาลมาโดยตลอด ข้อมูลมีมาก อยู่ที่จะเอามาใช้ถูกที่ถูกเวลาหรือถูกเอาคืนหรือไม่
ส่วนการประสานงานกันระหว่างพรรคประชาชน ที่ได้แค่เกือบเป็นรัฐบาล ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านมาตลอด ไม่เคยเป็นรัฐบาลกับเขาสักครั้ง กับพรรคภูมิใจไทยที่เคยเป็นแต่รัฐบาล ไม่เคยเป็นฝ่ายค้านสักครั้งเหมือนกัน ถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตา ยิ่งช่วงนี้พรรคเพื่อไทยสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำขั้นสุด ตกเป็นเบี้ยล่างจากเรื่องคลิปหลุด ถึงขนาดนายกฯ ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ กลายเป็นเผือกร้อนของรัฐบาล แต่เป็นเผือกหวานของฝ่ายค้าน
การตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทยไปเป็นฝ่ายค้าน จะด้วยถูกบีบหรืออย่างไรก็แล้วแต่ ถือว่างานนี้ต้องชมเชยในการตัดสินใจ เพราะการเมืองเมื่อถึงเวลาจะต้องยอมหัก ไม่ยอมงอ แล้วยิ่งนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน ร้องเรียก อังเคิล อังเคิล อยากได้อะไรขอให้บอก เดี๋ยวจัดการให้ แม่ทัพอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรา ฝ่ายค้านยุคสมัยตนหากได้ยินแบบนี้ต้องบอกว่าแค่ผลักเบาๆ รัฐบาลก็ล้มแล้ว.-สำนักข่าวไทย