กรุงเทพฯ 24 มี.ค. – กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเตรียมเข้าร่วมประชุม ATF-JCC นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เร่งติดตามผลการอำนวยความสะดวกการค้าของสมาชิกอาเซียน พร้อมหารือภาคเอกชนอาเซียนหาช่องทางช่วยเสริมความคล่องตัวการทำการค้าในอาเซียน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาร่วมด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าของอาเซียน หรือ ATF-JCC ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 2-3 เมษายน 2562 เพื่อติดตามการดำเนินการตามแผนงานการอำนวยความสะดวกทางการค้าของอาเซียนประจำปี 2562 ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1.การดำเนินการตามแนวปฏิบัติว่าด้วยมาตรการที่มิใช่ภาษี (NTMs) ของอาเซียน ซึ่งกำหนดให้มีความโปร่งใส เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ทราบและให้ความเห็นก่อนใช้มาตรการ เพื่อลดมาตรการที่เลือกปฏิบัติและเป็นอุปสรรคต่อการค้า 2. ติดตามและประเมินผลการดำเนินการอำนวยความสะดวกทางการค้าของประเทศสมาชิกอาเซียนให้เป็นไปตามพันธกรณีองค์การการค้าโลก (WTO-TFA) เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการแห่งชาติด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า การเผยแพร่ข้อมูลกฎระเบียบทั้งในรูปแบบสื่อออนไลน์และการจัดตั้งศูนย์ตอบข้อซักถาม และการออกคำวินิจฉัยล่วงหน้า เป็นต้น และ 3.ให้ประเทศสมาชิกนำผลการศึกษาเรื่องระยะเวลาที่แต่ละประเทศใช้ในการตรวจปล่อยสินค้า (Time Released Study) มาเป็นเครื่องมือในการวัดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของการอำนวยความสะดวกทางการค้าของประเทศสมาชิก
นอกจากนี้ จะติดตามความคืบหน้าการดำเนินการของสมาชิกอาเซียนในการเชื่อมโยงระบบการอำนวยความสะดวกทางการค้าต่าง ๆ อาทิ การเชื่อมโยงระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว หรือ ASEAN Single Window ในส่วนของการแลกเปลี่ยนเอกสารใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (e-Form D) ให้ครบ 10 ประเทศอาเซียน ภายในปี 2562 การพัฒนาระบบคลังข้อมูลการค้าของอาเซียน ( ATR) ให้ครอบคลุมมาตรการต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และการปรับระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน 10 ประเทศ (ASWC) ให้เป็นระบบเดียวกัน ก่อนเริ่มใช้งานเดือนมีนาคม 2563
นางอรมน กล่าวเสริมว่า การประชุมครั้งนี้เปิดให้สภาธุรกิจร่วม (JBC) ประกอบด้วย ผู้แทนจากสภาธุรกิจที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน สภาธุรกิจอียู-อาเซียน และสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน ได้พบหารือกับอาเซียนเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลดต้นทุนในการทำธุรกรรมของผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมให้การค้าภายในอาเซียนคล่องตัวและขยายตัวได้มากขึ้น.-สำนักข่าวไทย