กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอียืนยันมีผลงานดีว่าเป้าหมาย

กรุงเทพฯ 20 มี.ค. – ก.อุตฯ ยืนยันกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ปี 61ด้านการเงิน-การตอบสนอง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนด


นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม (สอป.) เผย ผลจากการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีว่า จากการปรับลดขั้นตอนการให้บริการให้สามารถปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อในปี 2651 ได้มากกว่า 10,400 ราย มูลค่าการอนุมัติสินเชื่อกว่า 15,300 ล้านบาท และอยู่ระหว่างขั้นตอนพิจารณาอนุมัติ จำนวนกว่า 2,700 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีมีผลการประเมินในปีแรก (พ.ศ.2561) จากกรมบัญชีกลาง ด้านการเงิน 4.7 คะแนนและการตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ 5 คะแนนจากคะแนนเต็ม 5 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กองทุนฯ กำหนด 

นอกจากนี้ กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอียังได้ให้บริการส่งเสริมและพัฒนาควบคู่กับการให้สินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี อาทิ การเพิ่มผลิตภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างโอกาสทางการตลาด การบริหารบัญชีและการเงินที่เป็นระบบ โดยสามารถช่วยเหลือพัฒนาเอสเอ็มอี ไปแล้วกว่า 9,500 ราย ทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และลดความเสี่ยงของการเป็นหนี้ด้อยคุณภาพได้  


ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ได้ดำเนินการพัฒนากระบวนการปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เอสเอ็มอีทั่วประเทศเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันได้มีการพัฒนาปรับปรุงระบบการบริหารจัดการภายใน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ได้สั่งการให้สำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี จัดทำแผนปรับปรุงการให้สินเชื่อและการส่งเสริมพัฒนาเอสเอ็มอีและแผนเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุนให้กรมบัญชีกลางภายในวันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2562 และดำเนินการตามแผนให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน

สำหรับ กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน ให้ความช่วยเหลือเงินทุน และการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่ เอสเอ็มอี ที่มีศักยภาพในการต่อยอดพัฒนาธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน รวมถึงการส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอีให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี เร่งช่วยเหลือเอสเอ็มอีทั่วประเทศให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ตามนโยบายของรัฐบาล มีกระบวนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่เป็นระบบ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาและความต้องการของพื้นที่ โดยได้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีระดับจังหวัด ซึ่งเน้นการมีส่วนร่วมของหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการเงิน ในการร่วมพิจารณาสินเชื่ออย่างรอบคอบและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กองทุนฯ กำหนด . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง