พาณิชย์ยกร่างแผนเศรษฐกิจจังหวัด 4.0 ขับเคลื่อนภูมิภาคเข้มแข็ง

นนทบุรี  28 ส.ค. – รัฐมนตรีพาณิชย์นัดประชุมพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเดือนกันยายนนี้  ยกร่างแผนเศรษฐกิจจังหวัด 4.0 หวังใช้กลไกพาณิชย์จังหวัดขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับภูมิภาคให้เข้มแข็ง  ส่วนการบ้านที่มอบให้ทำทั้งการดูแลค่า ครองชีพ สินค้าเกษตร และการค้าชายแดน ได้ข้อสรุปออกมาแล้ว เตรียมนำไปขับเคลื่อน


นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์กำหนดจัดการประชุมมอบนโยบายให้กับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศอีกครั้งภายในเดือนกันยายน 2559 เพื่อติดตามความคืบหน้าการทำงานและเตรียมปรับบทบาทสำนักงานพาณิชย์จังหวัดให้เป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม รวมถึงการผลักดันพาณิชย์จังหวัดให้เป็นแม่งานจัดทำแผนเศรษฐกิจจังหวัด 4.0 โดยดึงจุดเด่นแต่ละจังหวัดทั้ง 18 กลุ่มจังหวัดมาปรับปรุงพัฒนาให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ที่จะขับเคลื่อนไปสู่ประเทศไทย 4.0

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้มีการจัดทำ “แผนยุทธศาสตร์การค้ากลุ่มจังหวัด 18 กลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2560–2564 ” เสร็จแล้ว และเตรียมจัดประชุมสัมมนาระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางแนวโน้มและความท้าทายทางการค้าของกลุ่มจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงรับทราบปัญหาหรืออุปสรรคในทางปฏิบัติจากมุมมองที่หลากหลายทั้งจากภาครัฐและเอกชนก่อนที่จะมาจัดทำเป็นแผนเศรษฐกิจจังหวัด 4.0


“มอบหมายปลัดกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพาณิชย์จังหวัดและหัวหน้ากลุ่มจังหวัดทั้ง 18 คน โดยต้องฝนให้แหลมคม เพื่อเป็นผู้แทนของกระทรวงในพื้นที่ หลังจากกระทรวงฯ ทำนโยบาย One Roof ที่รวมเอาหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงฯ มาอยู่ที่เดียวกัน โดยมีพาณิชย์จังหวัดเป็นผู้ขับเคลื่อน” นางอภิรดี กล่าว

นางอภิรดี  กล่าวว่า  สำหรับการมอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดไปจัดทำแผนการดำเนินงานในส่วนภูมิภาคที่เกี่ยวกับการดูแลค่าครองชีพ สินค้าเกษตร และการค้าชายแดน ขณะนี้พาณิชย์จังหวัดเสนอแนวทางการดำเนินงานแต่ละเรื่องเข้ามาแล้ว โดยมีแผนการทำงานที่ชัดเจน  ซึ่งจะมีการผลักดันให้มีการนำไปสู่ภาคปฏิบัติจริงต่อไป เพื่อช่วยในการดูแลประชาชนในด้านค่าครองชีพ ดูแลเกษตรกรให้ขายสินค้าเกษตรได้ในราคาที่คุ้มต้นทุน และผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาค รวมถึงการค้าชายแดน  โดยการดูแลค่าครองชีพ พาณิชย์จังหวัดเสนอว่าการดูแลราคาสินค้าควรกำกับดูแลตามกลไกตลาดและจะต้องเน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุก โดยเฉพาะการใช้โซเซียลมีเดียเข้าถึงประชาชน เพื่อกระตุ้นให้รู้จักการฉลาดซื้อ ประหยัดใช้ และผลักดันให้มีการสร้างเครือข่ายผู้บริโภคและแนวร่วมประชาชน ส่วนกรณีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย จะต้องเร่งเชื่อมโยงตลาดสินค้าเกษตร เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชน และรณรงค์ให้ตระหนักถึงการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น

ด้านการดูแลสินค้าเกษตร สำหรับสินค้าเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์ม ยางพารา จะบูรณาการการทำงานระดับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้การตลาดนำการผลิต ลดพื้นที่เพาะปลูกให้สอดคล้องกับความต้องการ หากสินค้าใดไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนได้ ควรลดพื้นที่ปลูก และนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อมาผลิต แปรรูป และส่งออกแทน ส่วนสินค้าเกษตรที่เป็นสินค้าประจำจังหวัด จะต้องจัดทำแผนการตลาดล่วงหน้ารองรับผลผลิตก่อนออกสู่ตลาด โดยใช้ระบบการจำหน่ายออนไลน์ ใช้กลไก Biz Club บริษัทประชารัฐรักสามัคคี มาช่วยกระจายสินค้า


ด้านการค้าชายแดน จะผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่างเมืองหลัก เมืองรอง และกลุ่มจังหวัดของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน การสร้างความร่วมมือในการพัฒนาและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและหัตถกรรมร่วมกัน การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ การผลิตสินค้า  การสร้างความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจไทยกับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ และการสร้างเครือข่ายธุรกิจ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการขยายธุรกิจ การค้า การลงทุนในตลาดภูมิภาค.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

อยุธยาอ่วม! มัสยิด-บ้านริมน้ำเจ้าพระยา ถูกน้ำท่วมสูง

อยุธยา 22 ก.ย. – จ.พระนครศรีอยุธยา อ่วม! น้ำท่วมขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิด ระดับน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนป่าสักชลฯ เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำอีกตั้งแต่ 24 ก.ย.นี้ เตือนน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ 103 ตำบล 626 หมู่บ้าน รวมกว่า 31,227 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ โดยพื้นที่ ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิดดารุซซุนนะห์ ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ ถูกน้ำเอ่อท่วมและระดับน้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง ชาวบ้านสัญจรลำบาก บางจุดต้องใช้เรือ ต้องเดินลุยน้ำเข้า-ออกบ้านและมัสยิด ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง เร่งนำไม้มาทำสะพานชั่วคราว ให้ประชาชนเดินเข้ามัสยิดเพื่อประกอบพิธีละหมาดได้ พร้อมเร่งตัดต้นไม้และกำจัดวัชพืช ให้เรือสัญจรได้สะดวก และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำเจ้าพระยายังมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง นายธีรยุทร อายุ 43 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า บ้านถูกน้ำท่วมเกือบถึงเอว ลำบากมาก […]

ร่างแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จแล้ว นายกฯ ลุกแจงเอง-ไร้องครักษ์

พรรคภูมิใจไทย 22 ก.ย.- ร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาล “อนุทิน” เสร็จแล้ว มี 8 หน้า นายกฯ ลุกขึ้นชี้แจงเอง-ไม่มีองครักษ์ หลังเพื่อไทยจัด 4 ขุนพลเตรียมชำแหละ แหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่า ขณะนี้ร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนทั้งหมด 8 หน้า โดยนโยบายทั้งหมดจะเน้น 4 ด้าน ประกอบด้วย เศรษฐกิจปากท้อง ความมั่นคงและชายแดน ปัญหาสังคม ภัยธรรมชาติและการเยียวยา โดยนโยบายด้านเศรษฐกิจ จะเน้นเรื่องการลดค่าครองชีพแก่ประชาชน เช่น นโยบายคนละครึ่ง ซึ่งขณะนี้เรื่องระบบการใช้-วงเงินอยู่ระหว่างการพูดคุย การลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ลดค่าทางด่วน รวมถึงอาจจะมีการปรับนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยเคยหาเสียงไว้ เช่น โซลาร์รูฟท็อป เป็นโซลาร์ชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ เพื่อให้เข้ากับการทำงานของอายุรัฐบาล 4 เดือน นอกจากนี้จะมีการหยิบนโยบายของพรรคเพื่อไทย มา เช่น หวยเกษียณ โดยอาจจะมีการปรับรูปแบบ ส่วนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย […]

“มทภ.2” เผยเขมรไม่มีท่าทีถอนอาวุธหนัก ลั่นเลิกคุยหากยังยั่วยุ

22 ก.ย.- “มทภ.2” ขอบคุณนายกฯ ไฟเขียวแก้ปัญหาชายแดน เผยเขมรไม่มีท่าทีถอนอาวุธหนัก มีแต่เพิ่มกำลัง ลั่นเลิกคุยหากยังยั่วยุ บินโดรน-ฝังทุ่นระเบิด ขณะที่กองทัพภาคที่ 1 ถก RBC สัปดาห์นี้ ส่วนด้านจันทบุรี – ตราด ยังไม่กำหนดวัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การนำผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (GBC) เมื่อ 10 ก.ย.68 ไปสู่การปฏิบัติ โดยที่ประชุมกำหนด ให้มีการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการ และเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาร่วมสังเกตการณ์ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้าการนัดประชุมคณะกรรมชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) จัดทำแผนดำเนินการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนว่า ฝ่ายกัมพูชายังไม่มีท่าทีที่จะดำเนินการ มีแต่จะเพิ่มกำลังในพื้นที่ ซึ่งยังไม่ชัดว่าจะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้หรือไม่ และยังไม่ได้มีการกำหนดการประชุมRBC คาดว่าจะเป็นต้นเดือน ต.ค.นี้ […]