รัฐบาลส่งเสริมโซลาร์ภาคประชาชน เตรียมรับซื้อ 1.68 บาทต่อหน่วย

กทม. 13 มี.ค. – รัฐบาลย้ำส่งเสริมโซลาร์ภาคประชาชน เตรียมรับซื้อ 1.68 บาทต่อหน่วย ด้านนโยบายพรรคการเมืองเน้นปากท้อง หนุนพืชพลังงาน





ใกล้เลือกตั้ง 24 มีนาคม ช่วงนี้จะมีดีเบตหลากหลายนโยบายให้เห็นวันนี้มีเรื่องพลังงานและเรื่องเศรษฐกิจ ในขณะที่รัฐบาลเองก็เร่งรัดการลงทุน ซึ่งกรณีผู้ที่หวังจะเห็นการซื้อขายไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคาราคาเบื้องต้นออกมาอยู่ที่ 1.68 บาทต่อหน่วย


วันนี้ กระทรวงพลังงาน ประชุมชี้แจงกับผู้ประกอบการติดแผงโซลาร์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ผู้ประกอบการไทยมีประมาณ 30 ราย โดยบอกว่า ตามแผนส่งเสริมในแผนผลิตไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี แผนใหม่ หรือ พีดีพี 2018 มีการรับส่งเสริมมากกว่าแผนเก่าถึง 5 เท่าตัว หรือ รวมประมาณ 12,725 เมกะวัตต์ โดยแยกเป็นโรงการโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชน 10,000 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ลอยน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยอีก 2,725 เมกะวัตต์ ดังนั้น หากหารเฉลี่ย ผู้ประกอบการติดตั้งก็มีโอกาสติดตั้งราว 400 เมกะวัตต์/ราย ดังนั้น จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งการเตรียมคนและการติดตั้งแผง ซึ่งจากราคาแผงที่ถูกลงร้อยละ 40 ทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าไม่แพงขึ้น

สำหรับโซลาร์ภาคประชาชนส่งเสริมการใช้เองเป็นหลัก แต่หากเหลือใช้ก็จะขายเข้าระบบ โดยราคารับซื้อจะต้องไม่แพงกว่าค้าส่งที่ 2.40 บาท/หน่วย ดังนั้น ตลาดใหม่ของการซื้อขายไฟฟ้าก็จะเกิดขึ้นผู้ประกอบการอาจจะรวบรวมไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปของครัวเรือน หรือ ของชุมชนเข้ามาขายในระบบซึ่งหากราคาต่ำกว่าขายส่งก็เป็นโอกาสที่จะขายได้แข่งขันกับเชื้อเพลิงฟอสซิล

สำหรับการนำร่องรับซื้อไฟฟ้าเหลือใช้จากโซลาร์ภาคประชาชน จะมีการนำร่องรับซื้อ 100 เมกะวัตต์/ปีเป็นเวลา 10 ปี เบื้องต้นสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ สกพ.ศึกษาเตรียมประกาศให้สมัครจำหน่ายเดือน พ.ค.-ก.ค.62 โดยต้องผลิตขายภายในปีนี้ ค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณ 1.68 บาทต่อหน่วยรับซื้อเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งผู้ขายตั้งติดตั้งมิเตอร์ระบบดิจิทัล 7,500 บาท คาดลงทุนสำหรับการผลิต 5 กิโลวัตต์ที่ประมาณ 100,005 บาท โดยคำนวณระยะเวลาคุ้มทุน หากผลิตใช้เองครึ่งหนึ่งและขายครึ่งหนึ่งก็จะคุ้มทุน ในประมาณเกือบ 8 ปี แต่หากผลิตเองและใช้เองทั้งหมดจะคุ้มทุน ในช่วง 5 ปี 6 เดือน เพราะคำนวณจากผลิตแล้วค่าไฟฟ้าถูกกว่าการซื้อจากระบบในอัตราค่าไฟฟ้า 3.80 บาท/หน่วย

ด้านรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประชุมร่วมกับผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ โดยเน้นย้ำว่าช่วงนี้แม้จะเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ต้องการเห็นรัฐวิสาหกิจหยุดชะงักด้านการลงทุน โดยกิจกรรมรัฐวิสาหกิจไทยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 15 ล้านล้านบาทมากกว่าจีดีพีของประเทศ ที่ผ่านมาในปี 61 มีกำไรสูงถึง 4 ล้านล้านบาท โดยขอให้ดูแบบรัฐวิสาหกิจของจีน ที่ปรับเปลี่ยนองค์กรขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ ของเวทีโลกหลายราย นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจถูกมองว่าเป็นกลุ่มมีการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงต้องแก้ไขให้สังคมรับรู้มองเห็นชัดเจน ด้วยการสร้างระบบบริหารความเสี่ยงจากสิ่งไม่ถูกต้อง

และรัฐวิสาหกิจอันดับใหญ่ของไทยที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอันดับต้นๆ ก็คือ ปตท.วันนี้ ในเวทีดีเบต นโยบายพลังงาน ก็ถูกหยิบยกมาพูดถึงเช่นกัน โดยมองกันว่าหลายพรรคการเมืองมองว่า องค์กรแห่งนี้ ควรจะต้องปรับปรุงการทำงาน เน้นสร้างภาพลักษณ์ที่มุ่งเน้นด้านความมั่นคง ช่วยดูแลราคาพลังงานให้ถูกลง และต้องช่วยส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ของประเทศ เป็นตัวหลักส่งเสริมพืชพลังงาน โดยพรรคภูมิใจไทย ที่ขณะนี้หลายคนเรียกพรรคกัญชา เสนอว่า ต้องส่งเสริมพืชพลังงานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรมากขึ้น ปตท.ต้องขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ต่อปีจนครบร้อยเปอร์เซ็นต์ใน 4 ปี และควรนำปาล์มมาผลิตไฟฟ้ามากขึ้น ด้านพรรคประชาธิปัตย์ ระบุต้องตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ตรึงแอลพีจีให้เหมาะสม พรรคพลังธรรมใหม่ เสนอตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติมาดูแลแหล่งปิโตรเลียม ลดราคาน้ำมัน 5 บาท ยกเลิกสัญญาสัมปทานปิโตรเลียมที่ไม่เป็นธรรม ส่วนพรรคอนาคตใหม่ ระบุไม่เห็นต้องตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติหากมีปัญหาก็แก้ไขการกำกับดูแล เน้นขนส่งสาธารณะ, อาคารประหยัดพลังงาน และไม่เห็นด้วยอุดหนุนราคาพลังงาน พรรคพลังประชารัฐส่งเสริมกลไกตลาด, พลังงานทดแทน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนอีก 1 เวทีดีเบตเฉพาะด้านเศรษฐกิจมี 6 พรรคการเมือง โดยพรรคพลังประชารัฐ เน้นการพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรม พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สนับสนุนแนวทางชุมชนจัดการตนเองเพื่อให้ชุมชนอยู่ได้ ประเทศไทยยั่งยืน ด้านพรรคเพื่อไทยกระจายอำนาจทั้งในเชิงภารกิจและทุน ตั้งเป้าจะยกระดับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มจากปีละ 40 ล้านคน เป็น 50 ล้านคน เพิ่มรายได้จาก 2 ล้านล้านบาท เป็น 3 ล้านล้านบาท เพิ่มการจ้างงานด้านการท่องเที่ยวจาก 6.4 ล้านงาน ให้เป็น 8 ล้านงาน

พรรคอนาคตใหม่ เปลี่ยนรูปแบบการคมนาคมขนส่งจากระบบถนน มาเป็นการใช้ระบบราง ทำให้เกิดการจ้างงาน ถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน ทำลายทุนผูกขาดในประเทศไทย เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ด้วยการเปิดใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารเพิ่มมากขึ้น

พรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี จะช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมและสินค้าชุมชน ประกันรายได้เกษตรกร ผลักดันธุรกิจอาหารสู่การเป็นครัวโลก

พรรคภูมิใจไทย ย้ำนโยบายกัญชาเสรี และมุ่งมั่นที่จะลดอำนาจรัฐ เพื่อปากท้องประชาชน ด้วยการแก้กฎหมายต่าง พร้อมเสนอกตั้งกองทุนข้าว ให้มีระบบกำไรแบ่งปันกับชาวนา เปิดโอกาสให้คนไทยสามารถหารายได้จากทรัพย์สินของตนเอง เช่น ขับ Grab ถูกกฎหมาย เป็นต้น

พรรคชาติพัฒนา เน้นภาคเกษตร นำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับในรูปแบบ “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” รวมถึงการจัดหาตลาดรับซื้อผลผลิตล่วงหน้า เพื่อทำให้เกษตรกรมีความมั่นใจมากขึ้นในการผลิตพืชผลทางการเกษตร และผลักดันการท่องเที่ยวให้เป็นวาระแห่งชาติ .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย

23 มิ.ย.- ‘ปลัดฯ บุญสงค์’ รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดระยะเวลาการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย ขณะที่ล่าสุดแจ้งขอกลับเพิ่ม 9 ราย วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ รับและพบปะพูดคุยให้กำลังใจแรงงานไทยซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท Chemo Aharon Ltd. จำนวน 22 ราย ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรม สัญญาจ้าง 2 ปี และเป็นกลุ่มแรงงานที่สิ้นสุดโปรเจคระยะสั้น จึงเดินทางกลับประเทศไทย โดย ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานกลุ่มดังกล่าวมีกำหนดเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ตามกำหนด โดยทางบริษัท […]

กองทัพสั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ชายแดนไทย-กัมพูชา

23 มิ.ย.- “กองทัพ” สั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยกเว้นช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม-นักเรียน วันที่ 23 มิ.ย.68 เวลา 19.10 น. กองทัพภาคที่ 1 ได้เผยแพร่คำสั่งกองทัพภาคที่ 1 เรื่องควบคุมการเปิด – ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท ลงนามโดย พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 สำหรับเนื้อหาระบุว่า เนื่องด้วยปัจจุบัน ปรากฏข่าวสารทหารกัมพูชามีการรุกลํ้าอธิปไตยในพื้นที่ของประเทศไทยโดยการลาดตระเวน ปรับปรุงที่มั่น และดัดแปลงภูมิประเทศ รวมถึงมีการนำประชาชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ความปลอดภัยของประชาชนตามแนชายแดนได้รับความเดือดร้อน และเกิดความตึงเครียด จากสถานการณ์ดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ที่เดินทางข้ามแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 รวมถึงยังปรากฎการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการ Call Center และ Hybrid Scamซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในประเทศ และในภูมิภาคเป็นวงกว้าง กองทัพภาคที่ 1ในฐานะที่เป็นหน่วยรับผิดชอบพื้นที่แนวชายแดนไทย – […]

นายกฯ ขีดเส้น 3 เดือนเห็นผล แก้อาชญากรรมข้ามชาติ

ทำเนียบ 23 มิ.ย.- นายกฯ นำแถลงไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ สั่งตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้มการเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดนักพนันบินไปเสียมราฐ จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้านทหาร-ตำรวจ จับมือ ปปง. คว่ำบาตรขบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือนสถิติแจ้งความต้องลดลง ไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมอาสาเป็นเจ้าภาพร่วมมือนานาชาติ ขณะ “นายกฯ” สั่ง ตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้ม การเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดบินเล่นพนัน – จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้าน ทหารตำรวจ จับ มือ ปปง.คว่ำบาตร กระบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือน เห็นผล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยที่ไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของประเทศไทยในระดับนานาชาติ […]

ผบ.ตร.ยันเอาผิด “ฮุน เซน” ได้หรือไม่ขึ้นกับพยานหลักฐาน

23 มิ.ย. – ผบ.ตร. ระบุสอบสวนปมคลิปเสียง “ฮุน เซน” อาจเชิญนายกฯ ไทย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน ส่วนการดำเนินคดีเอาผิด “ฮุน เซน” ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต ผบ.ตร. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ในความผิดต่อกฎหมายไทย ว่าก่อนหน้านี้ทางเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เดินทางมาเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้นำของประเทศกัมพูชา ตนเองเชื่อว่าทั้งหมดมีความรักชาติ รักแผ่นดิน จึงมีการนำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจ แต่ต้องยอมรับว่า 2 กรณีเป็นคนละเหตุการณ์ และเกิดในพื้นที่แตกต่างกัน ย้ำตำรวจไม่หนักใจ และได้สั่งการให้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องนำเรื่องไปพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจเพื่อนำมาเสนอกลับให้ตนเอง การที่มีหลักฐานต่างๆ ยิ่งเป็นเรื่องดี เพื่อยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นเรื่องนอกราชอาณาจักร ส่วนจะมีการสอบปากคำในส่วนของผู้ถูกกล่าวถึง อย่างสมเด็จฮุน เซน ด้วยหรือไม่นั้น การจะเอาผิดได้หรือไม่อยู่ที่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นต้องสอบสวนในส่วนของผู้กล่าวหาก่อน ส่วนข้อมูลของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสามารถเอาผิดผู้นำประเทศกัมพูชา ได้หรือไม่ต้องเป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนก่อนเช่นกัน ส่วนกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง […]