รัฐบาลส่งเสริมโซลาร์ภาคประชาชน เตรียมรับซื้อ 1.68 บาทต่อหน่วย

กทม. 13 มี.ค. – รัฐบาลย้ำส่งเสริมโซลาร์ภาคประชาชน เตรียมรับซื้อ 1.68 บาทต่อหน่วย ด้านนโยบายพรรคการเมืองเน้นปากท้อง หนุนพืชพลังงาน





ใกล้เลือกตั้ง 24 มีนาคม ช่วงนี้จะมีดีเบตหลากหลายนโยบายให้เห็นวันนี้มีเรื่องพลังงานและเรื่องเศรษฐกิจ ในขณะที่รัฐบาลเองก็เร่งรัดการลงทุน ซึ่งกรณีผู้ที่หวังจะเห็นการซื้อขายไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคาราคาเบื้องต้นออกมาอยู่ที่ 1.68 บาทต่อหน่วย


วันนี้ กระทรวงพลังงาน ประชุมชี้แจงกับผู้ประกอบการติดแผงโซลาร์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ผู้ประกอบการไทยมีประมาณ 30 ราย โดยบอกว่า ตามแผนส่งเสริมในแผนผลิตไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี แผนใหม่ หรือ พีดีพี 2018 มีการรับส่งเสริมมากกว่าแผนเก่าถึง 5 เท่าตัว หรือ รวมประมาณ 12,725 เมกะวัตต์ โดยแยกเป็นโรงการโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชน 10,000 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ลอยน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยอีก 2,725 เมกะวัตต์ ดังนั้น หากหารเฉลี่ย ผู้ประกอบการติดตั้งก็มีโอกาสติดตั้งราว 400 เมกะวัตต์/ราย ดังนั้น จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งการเตรียมคนและการติดตั้งแผง ซึ่งจากราคาแผงที่ถูกลงร้อยละ 40 ทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าไม่แพงขึ้น

สำหรับโซลาร์ภาคประชาชนส่งเสริมการใช้เองเป็นหลัก แต่หากเหลือใช้ก็จะขายเข้าระบบ โดยราคารับซื้อจะต้องไม่แพงกว่าค้าส่งที่ 2.40 บาท/หน่วย ดังนั้น ตลาดใหม่ของการซื้อขายไฟฟ้าก็จะเกิดขึ้นผู้ประกอบการอาจจะรวบรวมไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปของครัวเรือน หรือ ของชุมชนเข้ามาขายในระบบซึ่งหากราคาต่ำกว่าขายส่งก็เป็นโอกาสที่จะขายได้แข่งขันกับเชื้อเพลิงฟอสซิล

สำหรับการนำร่องรับซื้อไฟฟ้าเหลือใช้จากโซลาร์ภาคประชาชน จะมีการนำร่องรับซื้อ 100 เมกะวัตต์/ปีเป็นเวลา 10 ปี เบื้องต้นสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ สกพ.ศึกษาเตรียมประกาศให้สมัครจำหน่ายเดือน พ.ค.-ก.ค.62 โดยต้องผลิตขายภายในปีนี้ ค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณ 1.68 บาทต่อหน่วยรับซื้อเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งผู้ขายตั้งติดตั้งมิเตอร์ระบบดิจิทัล 7,500 บาท คาดลงทุนสำหรับการผลิต 5 กิโลวัตต์ที่ประมาณ 100,005 บาท โดยคำนวณระยะเวลาคุ้มทุน หากผลิตใช้เองครึ่งหนึ่งและขายครึ่งหนึ่งก็จะคุ้มทุน ในประมาณเกือบ 8 ปี แต่หากผลิตเองและใช้เองทั้งหมดจะคุ้มทุน ในช่วง 5 ปี 6 เดือน เพราะคำนวณจากผลิตแล้วค่าไฟฟ้าถูกกว่าการซื้อจากระบบในอัตราค่าไฟฟ้า 3.80 บาท/หน่วย

ด้านรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประชุมร่วมกับผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ โดยเน้นย้ำว่าช่วงนี้แม้จะเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ต้องการเห็นรัฐวิสาหกิจหยุดชะงักด้านการลงทุน โดยกิจกรรมรัฐวิสาหกิจไทยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 15 ล้านล้านบาทมากกว่าจีดีพีของประเทศ ที่ผ่านมาในปี 61 มีกำไรสูงถึง 4 ล้านล้านบาท โดยขอให้ดูแบบรัฐวิสาหกิจของจีน ที่ปรับเปลี่ยนองค์กรขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ ของเวทีโลกหลายราย นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจถูกมองว่าเป็นกลุ่มมีการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงต้องแก้ไขให้สังคมรับรู้มองเห็นชัดเจน ด้วยการสร้างระบบบริหารความเสี่ยงจากสิ่งไม่ถูกต้อง

และรัฐวิสาหกิจอันดับใหญ่ของไทยที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอันดับต้นๆ ก็คือ ปตท.วันนี้ ในเวทีดีเบต นโยบายพลังงาน ก็ถูกหยิบยกมาพูดถึงเช่นกัน โดยมองกันว่าหลายพรรคการเมืองมองว่า องค์กรแห่งนี้ ควรจะต้องปรับปรุงการทำงาน เน้นสร้างภาพลักษณ์ที่มุ่งเน้นด้านความมั่นคง ช่วยดูแลราคาพลังงานให้ถูกลง และต้องช่วยส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ของประเทศ เป็นตัวหลักส่งเสริมพืชพลังงาน โดยพรรคภูมิใจไทย ที่ขณะนี้หลายคนเรียกพรรคกัญชา เสนอว่า ต้องส่งเสริมพืชพลังงานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรมากขึ้น ปตท.ต้องขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ต่อปีจนครบร้อยเปอร์เซ็นต์ใน 4 ปี และควรนำปาล์มมาผลิตไฟฟ้ามากขึ้น ด้านพรรคประชาธิปัตย์ ระบุต้องตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ตรึงแอลพีจีให้เหมาะสม พรรคพลังธรรมใหม่ เสนอตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติมาดูแลแหล่งปิโตรเลียม ลดราคาน้ำมัน 5 บาท ยกเลิกสัญญาสัมปทานปิโตรเลียมที่ไม่เป็นธรรม ส่วนพรรคอนาคตใหม่ ระบุไม่เห็นต้องตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติหากมีปัญหาก็แก้ไขการกำกับดูแล เน้นขนส่งสาธารณะ, อาคารประหยัดพลังงาน และไม่เห็นด้วยอุดหนุนราคาพลังงาน พรรคพลังประชารัฐส่งเสริมกลไกตลาด, พลังงานทดแทน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนอีก 1 เวทีดีเบตเฉพาะด้านเศรษฐกิจมี 6 พรรคการเมือง โดยพรรคพลังประชารัฐ เน้นการพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรม พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สนับสนุนแนวทางชุมชนจัดการตนเองเพื่อให้ชุมชนอยู่ได้ ประเทศไทยยั่งยืน ด้านพรรคเพื่อไทยกระจายอำนาจทั้งในเชิงภารกิจและทุน ตั้งเป้าจะยกระดับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มจากปีละ 40 ล้านคน เป็น 50 ล้านคน เพิ่มรายได้จาก 2 ล้านล้านบาท เป็น 3 ล้านล้านบาท เพิ่มการจ้างงานด้านการท่องเที่ยวจาก 6.4 ล้านงาน ให้เป็น 8 ล้านงาน

พรรคอนาคตใหม่ เปลี่ยนรูปแบบการคมนาคมขนส่งจากระบบถนน มาเป็นการใช้ระบบราง ทำให้เกิดการจ้างงาน ถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน ทำลายทุนผูกขาดในประเทศไทย เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ด้วยการเปิดใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารเพิ่มมากขึ้น

พรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี จะช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมและสินค้าชุมชน ประกันรายได้เกษตรกร ผลักดันธุรกิจอาหารสู่การเป็นครัวโลก

พรรคภูมิใจไทย ย้ำนโยบายกัญชาเสรี และมุ่งมั่นที่จะลดอำนาจรัฐ เพื่อปากท้องประชาชน ด้วยการแก้กฎหมายต่าง พร้อมเสนอกตั้งกองทุนข้าว ให้มีระบบกำไรแบ่งปันกับชาวนา เปิดโอกาสให้คนไทยสามารถหารายได้จากทรัพย์สินของตนเอง เช่น ขับ Grab ถูกกฎหมาย เป็นต้น

พรรคชาติพัฒนา เน้นภาคเกษตร นำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับในรูปแบบ “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” รวมถึงการจัดหาตลาดรับซื้อผลผลิตล่วงหน้า เพื่อทำให้เกษตรกรมีความมั่นใจมากขึ้นในการผลิตพืชผลทางการเกษตร และผลักดันการท่องเที่ยวให้เป็นวาระแห่งชาติ .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

บกปภ.ช. แถลงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว

บกปภ.ช. แถลงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว สั่งพื้นที่เร่งสำรวจและให้ความช่วยเหลือ หากงบประมาณไม่เพียงพอให้ขอขยายวงเงินทันที ด้านอาคารที่ถล่มได้ส่งทีม USAR Thailand สลับกำลังเพิ่มเติม

นายกฯ กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1446 ส่งความปรารถนาดีชาวไทยมุสลิม

นายกรัฐมนตรี กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1446 ส่งความรัก ความปรารถนาดียังชาวไทยมุสลิมทุกคน ชื่นชมศรัทธาที่เข้มแข็ง ความอดทน อดกลั้น ความมุ่งมั่น เสียสละ

เร่งปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากใต้ซากอาคาร สตง.

ปฏิบัติการค้นหาผู้ติดใต้ซากอาคาร สตง. ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผ่านมาเกือบ 54 ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ยังไม่พบผู้รอดชีวิตเพิ่ม ส่วนยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็น 11 รายแล้ว

สตง.ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยผู้ประสบภัยตึกถล่มจากแผ่นดินไหว

สตง. เร่งตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้ได้รับผลกระทบ จากกรณีอาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว พร้อมยืนยันกระบวนการดำเนินโครงการฯ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย