อุทัยธานี 8 มี.ค.- ผอ.โครงการชลประทานอุทัยธานี เผยอ่างเก็บน้ำหลัก 2 แห่ง และตามแหล่งน้ำในพื้นที่ปีนี้น่าห่วงน้ำกักเก็บโดยรวมแค่ร้อยละ 19 น้อยมากในรอบ 30 ปี ต้องเก็บไว้ใช้อุปโภคบริโภค-รักษาโครงสร้างอ่างฯ-ระบบนิเวศน์ในฤดูแล้ง ส่วนภาคเกษตรแจ้งเตือนเพาะปลูกแล้วก่อนงดปล่อยน้ำ
นายฐกร กาญจิรเดช ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุทัยธานี เปิดเผยถึงการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งว่า อ่างเก็บน้ำทับเสลา ต.ระบำ อ.ลานสัก และอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ รวมถึงแหล่งกักเก็บน้ำอื่น ๆ ของชลประทานในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี มีปริมาณน้ำในภาพรวมเพียงร้อยละ 19 ถือว่าน้อยมากในรอบ 30 ปี เนื่องจากช่วงฤดูฝนปีที่ผ่านมาฝนตกไม่เป็นตามเกณฑ์ อีกทั้งยังเกิดช่วงยาวนาน จึงมีน้ำไหลเข้ากักเก็บไม่เต็มที่ โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำหลัก เช่น อ่างเก็บน้ำทับเสลา สามารถกักเก็บน้ำได้ 160 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ล่าสุดน้ำเหลือเพียง 39.64 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 24.77 มีน้ำใช้ได้ 22.64 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 15.83 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาช่วงเดียวกัน ที่มีน้ำกักเก็บถึง 93.12 ลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 58.20 ส่วนอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว มีปริมาณน้ำเพียง 9.98 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อย 22.99 ใช้การได้ 7.81 ล้านลูกบาศก์เมตร เทียบกับปีที่ผ่านมามีน้ำกักเก็บ 22.36 ลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51.50 ถือว่าอ่างเก็บน้ำทั้งสองแห่งมีน้ำน้อยกว่าปีที่ผ่านมากว่าร้อยละ 50
นายฐกร กล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องสงวนปริมาณน้ำดังกล่าวไว้เพื่อการอุปโภคบริโภค รวมถึงกักเก็บไว้เพื่อรักษาความมั่นคงแข็งแรงของอ่างเก็บน้ำ และรักษาระบบนิเวศน์ โดยจะไม่ปล่อยน้ำไปช่วยภาคการเกษตร และก่อนหน้านี้ได้แจ้งเตือนเกษตรกรให้ชะลอหรืองดทำนาปรังไว้แล้ว เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิต.-สำนักข่าวไทย