ภรรยา “สุรชัย แซ่ด่าน” ร้อง กสม.ตรวจสอบศพลอยน้ำที่พบริมโขง

กสม. 5 มี.ค.-  ภรรยา “สุรชัย แซ่ด่าน” ร้อง กสม.ตรวจสอบการหายตัวไปของ “สุรชัย แซ่ด่าน” เชื่อ 1 ใน 3 ศพลอยน้ำที่พบริมโขง จ.นครพนม  ช่วง 26-29 ธ.ค.61 เป็นสามี 


นางปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข   พร้อมกลุ่มคนเสื้อแดง เดินทางมายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  (กสม.)  ผ่านนางอังคณา นีละไพจิตร กสม. ขอให้ตรวจสอบการบังคับบุคคลสูญหายอุ้มฆ่านายสุรชัย แซ่ด่าน  โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ทำพิธีจุดเทียน จุดธูป พร้อมร้องเพลง เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ คล้ายเดินเชิญศพ

นางปราณี กล่าวว่า นายสุรชัยได้หลบหนีจากไทยเข้าไปอยู่ใน สปป.ลาว และได้หายตัวไป  ญาติพี่น้องติดต่อไม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2561 ต่อมามีผู้พบศพ 3 ศพลอยมาที่ริมแม่น้ำโขง จ. นครพนม ระหว่างวันที่ 26-29 ธันวาคม 2561 โดยสภาพศพทั้ง 3 ถูกฆาตรกรรมอย่างโหดเหี้ยม  ถูกทุบใบหน้า คว้านท้องยัดแท่งซีเมนต์  พร้อมห่อหุ้มด้วยกระสอบป่าน และตาข่าย ใส่กุญแจมือถ่วงแม่น้ำโขง


“เชื่อว่าศพแรก คือ นายสุรชัย  ส่วนศพที่ 2 และ 3 เป็นคนสนิทของนายสุรชัย     แต่ขณะนี้ศพถูกตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพียง 2 ศพ ส่วนอีก 1 ศพไม่สามารถติดตามได้ว่าอยู่ที่ใด  จึงต้องการให้ กสม.ตรวจสอบกรณีการหายตัวไปของนายสุรชัย  หากเสียชีวิตขอให้ส่งคืนศพให้ญาติไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป” นายปราณี กล่าว

ด้าน นางอังคณา  ได้สอบถามนางปราณี และนายสมยศ ว่า หลังเกิดเหตุหายตัวไป ได้แจ้งความที่ สปป.ลาวหรือไม่   โดยนายสมยศกล่าวว่า ไม่สามารถข้ามไปฝั่งลาวได้ แต่จึงได้แจ้งความกับตำรวจในท้องที่ จ.นครพนม เพราะพบศพที่ฝั่งไทยเท่านั้น  

นางอังคณา กล่าวว่า หลังจากรับเรื่อง จะนำเสนอ กสม. เพื่อมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม  คาดว่าใช้เวลาไม่นาน   แต่ต้องทำความเข้าใจว่า การตรวจสอบกรณีบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นเรื่องยาก  และขณะนี้ไม่มีใครตอบได้ว่า ศพแรกที่พบ เป็นศพของนายสุรชัยหรือไม่  มีความชัดเจนเพียง 2 ศพที่ตรวจดีเอ็นเอแล้ว และพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ทำให้ กสม.ไม่สามารถตรวจสอบหน่วยงานรัฐอื่นๆ ได้        ..- สำนักข่าวไทย   


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

วัดอรุณฯ เนืองแน่น นักท่องเที่ยวแห่ร่วมงานลอยกระทง

นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติแน่นวัดอรุณฯ ร่วมงานประเพณีลอยกระทง 2567 “ลอยกระทง วิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” มีน้องหมูเด้ง Thai Cuteness นำนักท่องเที่ยวแต่งชุดไทยสืบสานคุณค่าวัฒนธรรม นางสาวไทย(ดินสอสี) ชวนรำวงลอยกระทง 6 ภาษา ผลักดันเทศกาลไทยสู่ World Event หมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

“เจ๊พัช” ขอโทษรัฐมนตรีน้ำ ยืนยันไม่รู้จักส่วนตัว

“กฤษอนงค์” โพสต์ขออภัยรัฐมนตรีน้ำและคุณพ่อ ปมคลิปเสียงแอบอ้าง พร้อมขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว แจงเป็นการสนทนาแนวทางส่งเสริมอาชีพเท่านั้น

“จิราพร” มอบทนายนำคลิปเข้าแจ้งจับนักร้องเรียนหญิงอ้างชื่อรีดทรัพย์

ทนายความ “รมต.” นำคลิปเข้าแจ้งจับนักร้องเรียนหญิง อ้างชื่อเรียกรับเงินกลุ่ม “ดิไอคอน” ยืนยันไม่เคยรู้จักกัน

ข่าวแนะนำ

ซูเปอร์มูน

ทั่วโลกแห่ชมซูเปอร์มูนครั้งสุดท้ายของปีนี้

เมื่อคืนที่ผ่านมาผู้คนทั่วโลกมีโอกาสได้ชมดวงจันทร์ที่เรียกว่าซูเปอร์มูนซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้

หารือสีจิ้นผิง

นายกฯ หารือ “สี จิ้นผิง” ขยายความร่วมมือการค้า-ลงทุน

นายกรัฐมนตรี หารือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น พร้อมแลกเปลี่ยนการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนสองประเทศ พร้อมอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากปักกิ่งประดิษฐานท้องสนามหลวง