กรุงเทพฯ 23 ก.พ. – การยาสูบฯ ครวญขยับภาษีบุหรี่ร้อยละ 40 กำไรทรุด กัดฟัน 3 ปี แตกไลน์ธุรกิจ ร่วมผลิตบุหรี่เวียดนาม ขายยาเส้น บุกตลาดกัญชง คาดกำไร 3,200 ล้านบาท
นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการ การยาสูบแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า หลังจากภาษีสรรพสามิตเตรียมเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 เริ่มวันที่ 16 กันยายน 2562 จากปัจจุบันจัดเก็บร้อยละ 20 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดิม ทำให้ราคาบุหรี่ขั้นต่ำเพิ่มเป็นซองละ 93 บาท ยอมรับว่าต้นทุนภาษีสรรพสามิตและจัดสรรให้กับกองทุนต่าง ๆ ต้นทุนสูงถึง 78 บาทต่อซอง ขณะที่ กยท.มีค่าการตลาดเพียง 15 บาท จึงได้รับผลกระทบอย่างมากจากการปรับเพิ่มภาษี ทำให้เดิมมีกำไรนับหมื่นล้านเหลือเพียง 900 ล้านบาท และจะทำให้ตลาดรวมจาก 32,000 ล้านมวน ลดเหลือ 19,000 ล้านมวนต่อปี และส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ลดลงจากร้อยละ 60 เหลือร้อยละ 50
ทั้งนี้ กยท.จึงปรับแผนงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า ประกอบด้วย 1.การขยายธุรกิจในการบริหารจัดการใบยา การผลิตและจำหน่ายยาเส้น ด้วยการนำใบยาพันธุ์ต่าง ๆ ทั้งเวอร์จิเนีย เตอร์กีส และเบอร์เล่ย์ มาผสมกัน เพื่อให้มีรสชาตที่แตกต่างออกไป 2.การร่วมลงทุนกับต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม เพื่อผลิตบุหรี่ขายในประเทศเวียดนามและส่งออกไปต่างประเทศด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ คาดว่าจะเริ่มผลิตล็อตใหม่เดือนเมษายนนี้ และ 3.การทดลองวิจัยนำใยกัญชงเพื่อใช้ผลิตกระดาษมวนบุหรี่ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และสกัดน้ำมันจากผลกัญชงเพื่อเป็นวัตถุดิบผลิตเครื่องสำอางและยาบำรุงสุขภาพ นอกจากนี้ ยังขยายภารกิจของโรงงานยาสูบภายในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะจากเดิมทำหน้าที่ผลิตมวนยาสูบมารับจ้างผลิตและพิมพ์งานด้านต่าง ๆ ซึ่ง 3 แนวทางจะทำให้ กยท.มีกำไรเพิ่มจาก 900 ล้านบาท เป็น 3,200 ล้านบาทต่อปี.-สำนักข่าวไทย