ประจวบคีรีขันธ์ 20 ก.พ. – เกษตรกรสาวสวย เรียนจบกลับบ้านช่วยแม่ปลูกว่านหางจระเข้ ที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นำความรู้มาพัฒนาเป็นเกษตรธรรมชาติ ห่างไกลสารเคมี ได้มาตรฐาน GAP โดยใช้พื้นที่ 10 ไร่ ทำเกษตรแผนใหม่ มีรายได้ดี
น.ส.มินตรา แซ่พู อายุ 38 ปี ชาว ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยหลังเรียนจบอุดมศึกษาไปทำงานในเมือง ต่อมาแม่ไม่มีคนช่วยทำไร่ จึงกลับมาบ้าน โดยแม่ได้ปลูกว่านหางจระเข้ไว้ 18 ไร่ แต่เห็นว่าราคาที่โรงงานรับซื้อไม่แน่นอน ราคากิโลกรัมละ 3 บาท เมื่อคิดต้นทุนเรื่องค่าแรงงาน ค่าปุ๋ย ค่าขนส่ง อยู่ที่ 2 บาท เหลือแค่ 1 บาท
เธอจึงคิดใหม่ปลูกไม้ล้อมไร่เป็นกำแพง เพื่อป้องกันสารเคมีจากไร่ข้างเคียง คัดเอาต้นพันธุ์ว่านหางจระเข้ที่เป็นพันธุ์ดี ขยายพันธุ์ปรับเปลี่ยนมาทำเป็นว่านหางจระเข้ GAP การันตีโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยวางระบบน้ำ ใช้สปริงเกอร์ตีน้ำให้กระจายทั่วพื้นที่ ทำให้ต้นว่านหางจระเข้แตกใบเร็ว เมื่อเริ่มปลูกจะจดบันทึกการผลิต ถ่ายภาพแปลงที่ปลูก ควบคุมวัชพืชด้วยการตัดหญ้า ใช้ปุ๋ยหมักที่ทำจากเศษซากพืช รดน้ำ จนถึงวันที่เก็บเกี่ยว โดยจะมีส่วนราชการและลูกค้ามาตรวจแปลง ซึ่งจะมีสมุดบันทึกรายวันให้ดูย้อนหลังอย่างน้อย 1 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มปลูก โดยจะต้องมีอายุอย่างน้อยประมาณ 9 เดือน เมื่อต้นสมบูรณ์ดีก็เริ่มตัดใบว่านหางจะเข้ได้ทุกเดือน ขายได้กิโลกรัมละ 20-30 บาท ปลูกครั้งหนึ่งอยู่ได้นาน 6 – 7 ปี นอกจากจำหน่ายใบว่านแล้ว ยังนำใบว่านหางจระเข้ไปแปรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น สบู่ แชมพู โลชั่น เจลทาผิว และครีมนวด เพิ่มมูลค่า. – สำนักข่าวไทย