เศรษฐกิจเกือบทุกภาคขยายตัวได้ต่อเนื่อง ยกเว้นอีสานยังไม่ฟื้น

กระทรวงการคลัง 31 ส.ค.-สำนักงานเศรษฐกิจการคลังสรุปสถานการณ์เศรษฐกิจแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ พบว่า เกือบทุกภาคส่งสัญญาณฟื้นตัวและขยายตัวได้ต่อเนื่อง ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังน่าเป็นห่วงทั้งการบริโภค การลงทุนภาคเอกชนที่ยังหดตัว


นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคเดือนกรกฎาคม  2559  ว่า เศรษฐกิจภูมิภาคยังขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่เสถียรภาพทุกภูมิภาคยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยภาคเหนือ เศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว สะท้อนการใช้จ่ายและยอดรถจักรยานยนต์ จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 3.7 และ 11.8 ต่อปี ประกอบกับรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลในภูมิภาคยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องที่ร้อยละ 20.8 ต่อปี สำหรับการท่องเที่ยวในภูมิภาคขยายตัวดีทั้งจำนวนและรายได้ที่   ร้อยละ 12.8 และ 6.5 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.4 ต่อปี และอัตราการว่างงาน (ข้อมูลเดือนมิถุนายน) อยู่ที่ร้อยละ 0.9 ของกำลังแรงงาน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เศรษฐกิจยังเปราะบาง โดยเฉพาะด้านอุปสงค์ สะท้อนจากการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บบนฐานการใช้จ่ายปรับตัวลดลงที่ร้อยละ 1.7 ต่อปี ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังชะลอตัว สะท้อนจากการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและภาคการก่อสร้าง โดยเฉพาะยอดรถปิคอัพและยอดรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ที่หดตัวร้อยละ 11.9 และ 18.5 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่เม็ดเงินลงทุนในโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบการหดตัวร้อยละ 77.9 ต่อปี แต่การท่องเที่ยวยังขยายตัวดีต่อเนื่องทั้งจำนวนและรายได้ที่ร้อยละ 12.9 และ 8.5 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการบริโภคภายในภูมิภาคที่ร้อยละ 0.8 ต่อปี และอัตราการว่างงาน (ข้อมูลเดือนมิถุนายน) อยู่ที่ร้อยละ 1.1 ของกำลังแรงงาน


ภาคกลาง เศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดี สะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนที่เก็บบนฐานการใช้จ่ายและยอดรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 10.5 และ 13.1 ต่อปี ตามลำดับ ตามรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวต่อเนื่อง การท่องเที่ยวจากรายได้ขยายตัวดีที่ร้อยละ 7.8 ต่อปีและภาคเกษตรกรรม จากดัชนีผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นที่ร้อยละ 3.8 และ 0.6 ต่อปี ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 4.4 ต่อปี ส่วนเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.1 ต่อปี และอัตราการว่างงาน (ข้อมูลเดือนมิถุนายน) อยู่ที่ร้อยละ 1.9 ของกำลังแรงงาน

ภาคตะวันออก เศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่มเก็บบนฐานการใช้จ่ายขยายตัวที่ร้อยละ 8.5 ต่อปี และรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลในภูมิภาคยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องที่  ร้อยละ 22.1 ต่อปี ด้านภาคการท่องเที่ยวของภูมิภาคยังขยายตัวได้ดีทั้งจำนวนและรายได้ที่ร้อยละ 46.4 และ 78.5 ต่อปี ตามลำดับ เช่นเดียวกับภาคเกษตรกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตร ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวที่ร้อยละ 24.1 ต่อปี  ภาคตะวันตก เศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไปการท่องเที่ยวยังขยายตัวดีทั้งจำนวนและรายได้ที่ร้อยละ 2.3 และ 11.4 ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ดี รายจ่ายลงทุนของรัฐบาลในภูมิภาคและการบริโภคสินค้าคงทนของผู้มีรายได้น้อย สะท้อนจากรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลในภูมิภาคและยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 27.2 และ 6.4 ต่อปี ตามลำดับ

ภาคใต้ เศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน การใช้จ่ายและยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.9 และ 3.5 ต่อปี ตามลำดับ ตามรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลในภูมิภาคขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 29.8 ต่อปี ขณะที่ด้านอุปทานยังขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวดีทั้งจำนวนและรายได้ที่ร้อยละ 11.4 และ 22.1 ต่อปี ตามลำดับ


กรุงเทพฯและปริมณฑล เศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะด้านอุปสงค์ การบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัวดี จากภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บบนฐานการใช้จ่ายและยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.9 และ 12.4 ต่อปี ตามลำดับ เนื่องจากรายได้เกษตรกรขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 9.7 ต่อปี ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังหดตัวทั้งในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากยอดรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่และเม็ดเงินลงทุนในโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบการ แต่จำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยวปรับตัวลดลงร้อยละ 22.0 และ 16.7 ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.2 ต่อปี และอัตราการว่างงาน (ข้อมูลเดือนมิถุนายน) อยู่ที่ร้อยละ 0.8 ของกำลังแรงงาน-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”