กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เตรียมจัดงาน “มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย: Thai Vibe by DIPROM” เดินหน้าขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทยผ่านอุตสาหกรรมอาหารและแฟชั่น เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการกว่า 400 ร้านค้า นำเสนอสินค้า ทดลองตลาดจริง และจับคู่ธุรกิจ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์และต่อยอดเชิงพาณิชย์ โดยคาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 30,000 คน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 250 ล้านบาท ตอกย้ำนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้”
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอาหารไทยมีศักยภาพโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก กระทรวงอุตสาหกรรมจึงเดินหน้ายกระดับซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหาร โดยมอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมดำเนินโครงการสำคัญ เช่น การยกระดับหมู่บ้านเชฟอาหารไทย การพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชนอาหารถิ่น การสร้างศูนย์นวัตกรรมอาหารชุมชน และการใช้นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทย เพื่อเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ BCG และเป้าหมายการผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย
นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า มหกรรมครั้งนี้ไม่ใช่เพียงงานแสดงสินค้า แต่เป็นเทศกาลไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยที่รวมพลังผู้ประกอบการอาหาร เครื่องดื่ม แฟชั่น เกษตรกร และการท่องเที่ยว ผ่านกลยุทธ์ “4 ให้ 1 ปฏิรูป” มุ่งยกระดับคุณภาพสินค้า สร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ไทย และต่อยอดโอกาสทางการค้า ทั้งยอดขายในงาน ข้อตกลงธุรกิจ และการขยายสู่ตลาดต่างประเทศ
ภายในงาน แบ่งเป็น 4 โซนหลัก ได้แก่
- DIPROM Pavilion ภายใต้แนวคิด “Empowering Local, Elevating Global” แสดงผลงานสร้างสรรค์จากชุมชน พร้อมกิจกรรมสาธิตการทำอาหารและนวัตกรรมใหม่ ๆ
- Soft Power 4 ภูมิภาค จำลองเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมไทยทั้ง 4 ภาค พร้อมร้านอาหารดัง เมนู “Hidden Gems” และกิจกรรมการแสดงวัฒนธรรม
- เสน่ห์ไทย Café รวมเครื่องดื่มคราฟต์จากกาแฟ ชา และโกโก้กว่า 28 ร้าน พร้อมเวิร์กช็อปและโชว์เทคนิคการชงโดยบาริสต้าชื่อดัง
- โซนดีพร้อมแฟชั่น นำเสนอความหลากหลายของแฟชั่นไทย ตั้งแต่ผ้าไทยประยุกต์จนถึงเสื้อผ้าดีไซน์ร่วมสมัย พร้อมแฟชั่นโชว์จากดีไซเนอร์รุ่นใหม่
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพิเศษ เช่น การแสดงแฟชั่นโชว์เชิงสร้างสรรค์ การสาธิตเมนู “อาหารแห่งอนาคต” ที่ใช้เทคโนโลยีและวัตถุดิบท้องถิ่น ตลอดจนเวทีเสวนาสำหรับเชื่อมโยงผู้ประกอบการกับพันธมิตรธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ มหกรรมครั้งนี้จะช่วยผลักดันประเทศไทยก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลางอาหารระดับโลก (Global Food Hub) และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยก้าวสู่เวทีโลกอย่างมั่นคง.-512-สำนักข่าวไทย