กนง.ห่วงหนี้ครัวเรือนเร่งตัว คงดอกเบี้ยที่ร้อยละ 1.75

ธปท. 6 ก.พ. – กนง.จับตาหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 77.8 จากสินเชื่อรถยนต์ คงดอกเบี้ยที่ร้อยละ 1.75 พร้อมเข้าดูแลเงินบาทหากผิดปกติ


นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า กนง.มีมติ 4 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75 ต่อปี ซึ่งอีก 2 เสียง เห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 2.00 ต่อปี ส่วนกรรมการ 1 คน ลาประชุม โดย กนง.มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าภาคการส่งออกสินค้าจะชะลอลงจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอลง ผลของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ โดยจะยังติดตามพัฒนาการของเศรษฐกิจและความเสี่ยงต่าง ๆ ที่สร้างความเปราะบางกับเศรษฐกิจในอนาคต โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีที่ปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ร้อยละ 77.7 เพิ่มเป็นร้อยละ 77.8 ในไตรมาส 3/2561 พบว่ามาจากการเร่งตัวขึ้นของสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งสอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ที่พุ่งขึ้นสูงมากในช่วงปีที่แล้ว และยังต้องติดตามพัฒนาการของสินเชื่อที่อยู่อาศัย การขยายสินทรัพย์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ และการอนุมัติสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ธนาคารพาณิชย์อาจจะประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควรจะเป็น 


ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น กนง.ให้ติดตามใกล้ชิด ซึ่งสาเหตุหลักมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ทำให้ค่าเงินในประเทศเกิดใหม่แข็งค่าขึ้น โดยเงินบาทไทยตั้งแต่สิ้นปี 2561 จนถึงปัจจุบัน (YTD) แข็งค่าร้อยละ 4.1 ซึ่งอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ได้เป็นเงินสกุลที่เเข็งค่าที่สุดในโลก โดยเเข็งค่าน้อยกว่าอินโดนีเซียที่ร้อยละ 4.3 ส่วนความผันผวนของค่าเงินบาทอยู่ที่ร้อยละ 4.3 ผันผวนน้อยกว่าเงินเยนญี่ปุ่น เงินวอนเกาหลีใต้  เงินหยวนจีน และเงินรูเปียะห์อินโดนีเซีย ซึ่งแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนยังผันผวนต่อไป ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมติดตามใกล้ชิด หากพบความผิดปกติจะเข้าไปดูแล เพราะค่าเงินบาทมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อและภาพรวมเศรษฐกิจเช่นกัน

นอกจากนี้ ยืนยันว่าการที่ กนง.ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อเดือนธันวาคม 2561 เป็นร้อยละ 1.75 ไม่ได้เป็นผลให้เงินทุนไหลเข้าไทย ตัวเลขเงินทุนเคลื่อนย้ายถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า เงินทุนไหลออกจากตลาดพันธบัตร 12,000 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิหุ้นไทย 6,400 ล้านบาท รวมสุทธิมีเงินไหลออก 5,600 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก