กกต. 5 ก.พ.- รองเลขา กกต. มองผู้สมัคร ส.ส.เปลี่ยนชื่อ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เป็นสีสันการเมือง ชี้ พปชร.จะขึ้นรูป “พล.อ.ประยุทธ์” ได้ ต่อเมื่อสมัครเป็นแคนดิเดตนายกฯ แล้ว เตรียมประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 15 ก.พ. นี้
นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยภาพรวมการสมัครรับเลือกตั้งวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันแรก ว่ามีปัญหาการยื่นเอกสารเกี่ยวกับภาษีและจับสลากเล็กน้อย และจากที่มีพรรคการเมืองมาสมัครรับเลือกตั้ง 58 พรรค หลังวันที่ 8 กุมภาพันธ์ กกต.จะสอบถามไปยังนายทะเบียนพรรคการเมืองว่า ทั้ง 58 พรรคมีคุณสมบัติครบที่จะส่งผู้สมัครได้หรือไม่
“หากพรรคใดขาดคุณสมบัติ ก็ถือว่าไม่มีสิทธิส่งผู้สมัคร ทำให้รายชื่อเสียไป ถือว่าไม่มีการสมัคร และเงินค่าสมัครจะนำเข้ากองทุนพรรคการเมือง ผู้สมัครจะไม่มีความผิด” นายณัฏฐ์ กล่าว
นายณัฏฐ์ กล่าวว่า สำหรับผู้สมัคร 5,831 คน กกต.ได้ส่งให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบแล้ว จะได้คำตอบวันที่ 9 กุมภาพันธ์ และจะประกาศรายชื่อในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ หากผู้สมัครรายใดไม่มีรายชื่อ สามารถร้องต่อศาลฎีกาได้ภายใน 3 วัน
ต่อกรณีที่มีผู้สมัคร ส.ส.หลายคน เปลี่ยนชื่อเป็นทักษิณ และยิ่งลักษณ์นั้น นายณัฏฐ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนชื่อเป็นสิทธิที่บุคคลสามารถทำได้ ถือว่าไม่มีปัญหา เพราะชื่อทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ชื่อต้องห้าม เชื่อว่า ประชาชนจะจับตาดู ไม่ใช่เปลี่ยนชื่อแล้วจะได้คะแนน
“ผมมองว่าเป็นสีสันทางการเมือง และความคิดสร้างสรรค์ของคนในช่วงเลือกตั้งมากกว่า” นายณัฏฐ์ กล่าว และว่า ส่วนการส่งผู้สมัครของพรรคไทยรักษาชาติ และพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ทับซ้อนกันในกรุงเทพมหานคร ถือเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองที่สามารถทำได้
นายณัฏฐ์ ยังกล่าวถึง กรณีพรรคพลังประชารัฐจะนำภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นป้ายหาเสียง ว่าการขึ้นรูปจะทำได้ ก็ต่อเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ สมัครเป็นผู้ถูกเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคพลังประชารัฐ และ กกต.รับรองแล้วเท่านั้น เพราะตามกฎหมายระบุว่าผู้ที่จะขึ้นรูปได้ต้องเป็นสมาชิกพรรค หรือเป็นแคนดิเดตของพรรค
“เป็นเรื่องของความรู้สึกของคนมอง ที่จะถูกมองว่าอาจทำให้เกิดข้อได้เปรียบในการเลือกตั้ง แต่ทางกฎหมายไม่ผิดเงื่อนไข” นายณัฏฐ์ กล่าว และกล่าวต่อว่า ส่วนการลงพื้นที่ของรัฐบาล และ ครม.สัญจร หากมีคนร้องเรียนว่า มีความได้เปรียบเสียเปรียบ กกต.ก็พร้อมตรวจสอบ .- สำนักข่าวไทย