โรงไฟฟ้าบางปะกง เริ่มผลิตไฟฟ้าจากปาล์ม


ฉะเชิงเทรา 2 ก.พ.-โรงไฟฟ้าบางปะกงเริ่มเดิอนเครื่องด้วยปาล์มน้ำมันแล้ว ด้านกรมการค้าภายในชี้แจงการสมัครผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มให้ กฟผ. โปร่งใสทุกขั้นตอน ไม่มีการตัดสิทธิปริมาณจำหน่ายตามกระแสข่าว ยันสตอกในประเทศมีเพียง 350,000 ตัน 


นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  เปิดเผยว่า  ในวันนี้ (2 ก.พ.) ได้เปิดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ด้วยน้ำมันปาล์มดิบ  โรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง หน่วยที่ 3 จ.ฉะเชิงเทรา    หลังจากที่มีการจัดส่งน้ำมันปาล์มดิบล็อตแรก จำนวน 4,000 ตัน มาทางเรือจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีถึงโรงไฟฟ้าบางปะกงแล้วเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา   โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันปาล์มดิบร่วมกับก๊าซธรรมชาติ ในอัตราส่วน 50 : 50 แล้ว และ จากการที่ กฟผ. ได้ปรับปรุงอุปกรณ์ของโรงไฟฟ้า ทำให้สามารถใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิงมาผลิตไฟฟ้าได้ประมาณเดือนละ 30,000 ตัน ซึ่งตามแผนจะสามารถดูดซับน้ำมันปาล์มดิบในตลาดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้ จำนวน 160,000 ตัน  ในช่วง 6 เดือน (ก.พ.- ก.ค.)  

“หลังจากนี้จะต้องดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัดต่าง ๆ จนครบจำนวน 160,000 ตัน และจะมีพิธีลงนามสัญญาระหว่าง กฟผ. กับผู้ค้าน้ำมันปาล์มดิบในเร็ววันนี้  โดย การนำน้ำมันปาล์มดิบมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าจะไม่กระทบกับค่าไฟฟ้าของประชาชนแต่อย่างใด เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจะไม่นำไปคิดรวมกับค่าเอฟที (FT)”รมว.พลังงาน กล่าว  

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ มอบให้ กฟผ. รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 160,000 ตัน ราคากิโลกรัมละ 18 บาท เพื่อดึงราคาผลปาล์มของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันให้สูงขึ้น และกรมการค้าภายใน เป็นผู้จัดหาผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ.  ทางฯกรมฯได้ออกประกาศรับสมัครผู้ประสงค์จำหน่าย  ยื่นใบสมัครตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม – 11 มกราคม 2562 และขยายเวลารับสมัครไปจนถึงวันที่ 25 มกราคม 2562 ซึ่งปรากฏว่า มีผู้เสนอจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบรวม 40 ราย ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่เสนอขายรวม 130,000 ตัน 


ผลจากการพิจารณาใบสมัคร 2 ครั้ง มีผู้สมัครที่มีคุณสมบัติและยื่นเอกสารครบถ้วน ผ่านการคัดเลือกเป็นผู้มีสิทธิจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. ครั้งที่ 1 จำนวน 21 ราย ปริมาณ 63,000 ตัน ครั้งที่ 2 จำนวน 11 ราย ปริมาณ 51,000 ตัน รวมทั้งสิ้น 32 ราย ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่เสนอขาย 114,000 ตัน จากเป้าหมาย 160,000 ตัน  ดังนั้น เมื่อวันที่ 30 มกราคม  จึงได้เปิดรับสมัครอีกรอบ เพิ่มเพื่อให้ครบตามเป้าหมาย 160,000 ตัน ไปจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 และคาดว่าจะครบจำนวนตามเป้าหมาย

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า  โดยการพิจารณาคัดเลือกผู้มีสิทธิจำหน่าย ได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่คณะอนุกรรมการบริหารและกำกับดูแลมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ กำหนด  ไม่มีการปรับลดปริมาณ ไม่มีการตัดสิทธิใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นผู้สมัครรายที่ไม่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ดังนั้นกรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีผู้สมัครบางรายถูกตัดสิทธิ โดยไม่เป็นธรรมนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และกรณีที่มีการให้ข่าวว่า ปริมาณสตอกน้ำมันปาล์มคงเหลือในประเทศ มีจำนวน 700,000 ตัน ก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันสตอกน้ำมันปาล์มในประเทศมีอยู่ประมาณ 350,000 ตัน หากถูกนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า 160,000 ตัน ครบถ้วนจะเหลือ CPO ในสตอกเพียง 190,000 ตัน ต่ำกว่าสตอกปกติที่มีคือ 250,000 ตัน การบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริงดังกล่าว จะสร้างความเสียหายต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจะได้รับจัดสรรตามปริมาณที่ยื่นเสนอในใบสมัคร 

ได้แก่  บจ. ปาโก้เทรดดิ้ง ปริมาณ 11,000 ตัน ,  ปริมาณ 8,000ตัน จำนวน 2 รายได้แก่    บจ. ปาล์มพัฒนาชายแดนใต้ และ บจ. เจริญน้ำมันปาล์ม ,จำนวน 6,000 ตัน จำนวน 2 รายได้แก่  บจ. พี. ซี. ปาล์ม (2550) และ บจ. ป. พานิชรุ่งเรืองปาล์มออยล์, บจ. ป. พานิชรุ่งเรืองปาล์มออยล์ ปริมาณ 5,000 ตัน,    ปริมาณ 4,000 ตัน จำนวน   8 ราย ได้แก่ บจ. จิรัสย์ปาล์ม, บจ. ศรีเจริญปาล์มออยล์, บจ. ทักษิณปาล์ม (2521), บจ. ทักษิณอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (1993),บจ. พิทักษ์ปาล์มออยล์ , บจ. กรีน กลอรี่ , บจ. ท่าทองปิโตรเลียม , บจ. พี. ซี. สยามปิโตรเลียม,ปริมาณ 3,000 ตัน จำนวน 3 ราย ได้แก่  1) บจ. กลุ่มสมอทอง (สาขาท่าชนะ) 2) บจ. กลุ่มสมอทอง (สาขาพนม) และ 3) บมจ. ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม, ปริมาณ 2,000 ตัน จำนวน 14 ราย และปริมาณ 1,000 ตัน จำนวน 1 ราย คือ สหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด 

            ทั้งนี้ กรมฯ ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. ยื่นความจำนงจำหน่ายน้ำมันปาล์มตามโครงการได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่แหล่งผลิตทั่วประเทศ และสามารถเข้าดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าภายใน www.dit.go.th –สำนักข่าวไทย

——————————————-

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]