พาณิชย์ย้ำนำข้าวหอมพวงเวียดนามผสมไทยไม่จริง

นนทบุรี 29 ม.ค. – อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศระบุข่าวลือนำข้าวหอมพวงเวียดนามผสมข้าวหอมมะลิไทยไร้มูลความจริง ยืนยันมีระบบตรวจสอบเข้มงวดก่อนส่งขายต่างประเทศ 


นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยข่าวลือว่ามีการลักลอบนำพันธุ์ข้าวหอมพวงของเวียดนามมาปลูกและนำมาผสมใน “ข้าวหอมมะลิไทย” ไม่เป็นความจริง เหตุข้าวหอมมะลิไทยที่จะส่งออกต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ไม่ผ่านก็ส่งออกไม่ได้ แถมมีการสุ่มตรวจ DNA ตลอด ระบุผลการตรวจสอบทางกายภาพแตกต่างจากข้าวหอมมะลิไทยชัดเจน ขอทุกฝ่ายมั่นใจ จะไม่ปล่อยให้ข้าวชั้นพรีเมี่ยมของไทยเสียหาย 

อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับการลักลอบนำพันธุ์ข้าวหอม Jasmine 85 หรือข้าวหอมพวงของเวียดนามเข้ามาปลูกในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันให้ผลผลิตอยู่ในพื้นที่อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ และทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลว่าอาจจะมีการนำมาปลอมปนในข้าวหอมมะลิไทยส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ว่า กรมฯ ขอยืนยันว่าข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะในการส่งออกข้าวหอมมะลิไทยไปจำหน่ายต่างประเทศมีระบบการตรวจสอบที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก หากข้าวหอมมะลิไทยไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดก็ไม่สามารถส่งออกได้ 


สำหรับการกำกับดูแลการส่งออกข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งเป็นสินค้ามาตรฐานมีขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพ ดังนี้ 1.เมื่อผู้ส่งออกประสงค์จะส่งออกข้าวหอมมะลิไทย จะต้องยื่นคำร้องต่อกรมฯ ขอให้ออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย และต้องแจ้งให้บริษัทผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า (บริษัทเซอร์เวย์) เพื่อดำเนินการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้า 2.การตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทยดังกล่าวจะมีพนักงานตรวจสอบมาตรฐานสินค้า (เจ้าหน้าที่ มส. กระทรวงพาณิชย์) ไปปฏิบัติราชการเพื่อกำกับการทำงานของผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า (เซอร์เวย์เยอร์) และนำตัวอย่างที่เซอร์เวย์เยอร์เป็นผู้จัดทำขณะปฎิบัติงาน เพื่อตรวจวิเคราะห์คุณภาพ และ 3.เมื่อผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานจึงออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าให้ผู้ส่งออกใช้ประกอบพิธีการศุลกากรเพื่อส่งออกข้าวหอมมะลิไทยต่อไป 

ทั้งนี้ จะมีการติดตามกำกับดูแลและสุ่มตรวจสอบการส่งออกข้าวหอมมะลิไทย โดยการสุ่มนำตัวอย่างข้าวที่เซอร์เวย์เยอร์นำส่งมายังสำนักงานมาตรฐานสินค้า และสุ่มซื้อข้าวที่วางจำหน่ายในต่างประเทศ เพื่อนำมาตรวจสอบเอกลักษณ์พันธุกรรม (DNA) ข้าวหอมมะลิไทยอย่างต่อเนื่องด้วย 

“กรมฯ ยืนยันว่าการนำข้าวชนิดอื่นมาปลอมปนกับข้าวหอมมะลิไทยไม่สามารถทำได้ในทางปฏิบัติ เพราะหากมีการปลอมปนจริงก็สามารถตรวจสอบได้ และไม่มีทางที่จะผ่านการตรวจสอบได้ ที่สำคัญเมื่อลองตรวจสอบข้าวหอมพวงของเวียดนาม พบว่ามีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างจากข้าวหอมมะลิไทยและข้าวหอมไทยโดยสามารถตรวจสอบได้ชัดเจน เนื่องจากข้าวหอมพวงมีเมล็ดสั้นกว่าข้าวหอมมะลิไทย อีกทั้งเมื่อตรวจสอบด้วยวิธีการตรวจสอบเมล็ดข้าวสุกที่ต้มในน้ำเดือด (การประเมินหาอุณหภูมิแป้งสุก) และวิธีการย้อมสีด้วยสารละลายไอโอดีน (ตรวจหาข้าวนุ่ม) จึงไม่สามารถนำมาปลอมปนกับข้าวหอมมะลิไทย หรือแม้แต่ข้าวหอมไทยได้” นายอดุลย์ กล่าว 


อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความเชื่อมั่นในการกำกับดูแลการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานข้าวไทย ซึ่งมีการกำหนดกระบวนการขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพไว้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่าการปลอมปนข้าวหอมพวงของเวียดนามไปกับการส่งออกข้าวหอมมะลิไทยทำได้ยาก เนื่องจากสามารถตรวจสอบได้ทันที และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการส่งออกข้าวหอมมะลิไทย กรมฯ จะได้ตรวจสอบและกำกับดูแลการส่งออกข้าวหอมมะลิไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษามาตรฐานและราคาให้สมกับเป็นข้าวพรีเมี่ยมชั้นเลิศของไทยในตลาดโลกต่อไป

สำหรับมาตรฐานข้าวไทยปัจจุบันแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ข้าวหอมมะลิไทย เป็นสินค้ามาตรฐานโดยมีการกำกับดูแลและควบคุมคุณภาพมาตรฐานตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ.2503 กำหนดให้ต้องมีข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 หรือ กข15 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้การรับรับรองต้องมี Purity ไม่น้อยกว่าร้อยละ 92 โดยปริมาณเพียงชั้นเดียวใช้ชื่อภาษาไทยว่า “ข้าวหอมมะลิไทย” ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “THAI HOM MALI RICE” และสามารถขออนุญาตใช้เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย (ตรารวงข้าว) ที่กรมการค้าต่างประเทศประชาสัมพันธ์และจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าไว้ 48 ประเทศทั่วโลก เพื่อเป็นการรับรองว่าผู้บริโภคจะได้บริโภคข้าวหอมมะลิไทยที่มีคุณภาพชั้นเยี่ยมและจากประเทศไทยอย่างแท้จริง เนื่องจากมีกระบวนการติดตาม กำกับดูแล และตรวจย้อนกลับ 

2.กำหนดมาตรฐานข้าวหอมไทย เป็นมาตรฐานสมัครใจ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการส่งออกและเป็นมาตรฐานข้าวหอมเกรดรองจากมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย (Fighting Brand) สำหรับตอบสนองความต้องการของตลาดและรสนิยมของผู้บริโภคที่มีความหลากหลายในราคาที่เหมาะสม โดยมีข้าวหอมไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยปริมาณมีอมิโลสไม่เกินร้อยละ 20 ใช้ชื่อภาษาไทยว่า “ข้าวหอมไทย” และใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “THAI JASMINE RICE หรือ THAI FRAGRANT RICE หรือ THAI AROMATIC RICE หรือชื่ออื่นที่มีความหมายเดียวกัน และ 3.มาตรฐานสินค้าข้าว (ข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวเหนียวขาว และข้าวนึ่ง) เป็นมาตรฐานสมัครใจ ปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์การผลิต การค้า และการส่งออกข้าวในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ยอดการส่งออกข่าวไทยในช่วงปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 11 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 5,623 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิไทยกว่า 1.6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,604 ล้าน และปี 2562 คาดว่าจะส่งออกข้าวไทยไม่ต่ำกว่า 10 ล้านตัน โดยเกือบ 1 เดือนมกราคม 2562 ไทยส่งออกข้าวแล้วกว่า 820,000 ตัน ซึ่งราคาข้าวหอมโดยเฉลี่ยขณะนี้อยู่ที่ตันละ 1,031-1,070 ดอลลาร์สหรัฐเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]

ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ

สวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” […]

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]