กรุงเทพฯ 23 ม.ค. – ส.อ.ท.เผยปี 61 ยอดผลิต-ขายรถยนต์ในประเทศสูงสุดในรอบ 5 ปี ตั้งเป้าผลิตปี 62 จำนวน 2.15 ล้านคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดขายรถยนต์เดือนธันวาคม 2561 ว่า มียอดทั้งสิ้น 110,581 คัน สูงสุดในรอบ 60 เดือนนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 เนื่องจากมียอดจองรถยนต์ในงานมหกรรมยานยนต์เดือนธันวาคมถึง 44,189 คัน จากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ประกอบกับ เศรษฐกิจดีขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน มีการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศยังมีจำนวนมาก รวมทั้งความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น รวมยอดขายรถยนต์ในประเทศ ตลอดปี 2561 รวม 1,041,739 คัน สูงสุดในรอบ 5 ปี เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 19.5 ส่วนรถจักรยานยนต์ตลอดปีมียอดขายรวม 1,788,323 คัน ลดลงจากปี 2560 ร้อยละ 1.2
ทั้งนี้ การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนธันวาคม 2561ส่งออกได้ 95,407 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 0.45 โดยการส่งออกลดลงเกือบทุกตลาด เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าชะลอตัวลงยกเว้นตลาดเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาเหนือ ตลอดปี 2561 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปรวม 1,140,640 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 คิดเป็นร้อยละ 0.08 มีค่าส่งออกรวม 594,809 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 1.36 ส่วนยอดส่งออกจักรยานยนต์ตลอดปี 2561 ทั้ง CBUและCKD 886,275 คัน ลดลงจากปี 2560 ร้อยละ 4.38 มูลค่ารวม 61,653.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 12.45 โดยภาพรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่ และรถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 948,397.83 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2560 คิดเป็นร้อยละ 0.83 ด้านการผลิตเดือนธันวาคม 2561 ผลิตทั้งสิ้น 169,355 คัน ตลอดปี 2561 ผลิตได้รวมทั้งสิ้น 2,167,694 คัน สูงสุดในรอบ 5 ปี เพิ่มขึ้นจากปี 2560 คิดเป็นร้อยละ 8.99
สำหรับปี 2562 ตั้งเป้าผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศ 1.05 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่ผลิตได้ 1,024,961คัน 25,039คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.44 การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศที่คาดว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 3.5 ถึง 3.8 ส่วนเป้าหมายการผลิตรถยนต์รวมปี 2562 อยู่ที่ 2.15 ล้านคัน ลดลงจากปี 2561 คิดเป็นร้อยละ 0.82 เนื่องจากเป้าการส่งออกไว้ที่ 1.2 ล้านคัน เพราะว่าแนวโน้มการส่งออกหลายประเทศลดลงไตรมาสที่ 4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้า.-สำนักข่าวไทย