ดีเอสไอเพิ่มเงินรางวัลผู้ให้เบาะแสคดีสาวญี่ปุ่นเสียชีวิตเป็น 2 ล้าน

ดีเอสไอ18 ม.ค.-ดีเอสไอเพิ่มรางวัลผู้ชี้เบาะแสที่นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาฆาตกรรมนักท่องเที่ยวสาวญี่ปุ่นที่ จ.สุโขทัย เป็น 2 ล้านบาท ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตขอให้ไม่มีอายุความ หลัง 10 ปีผ่านไปยังจับไม่ได้ ซึ่งคดีดังกล่าวมีอายุความ 20 ปี จะหมดในปี 2570


กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งว่า เมื่อวันที่17 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้การต้อนรับการเข้าพบของนายยาสึอากิ คาวาชิตะ บิดาของน.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ และคณะ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีที่น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ บุตรสาวที่ถูกฆาตกรรม เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2550 ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ โดยมีคณะเจ้าหน้าที่ร่วมให้การต้อนรับและชี้แจงข้อเท็จจริง ประกอบด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สอาดพรรค หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายวิทยา สุริยะวงค์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสันติ ป่าหวาย รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายปาณิดล ปัจฉิมสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกองเอเชียตะวันออก 4 กระทรวงการต่างประเทศ และนายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ รองผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ


พล.อ.อ.ประจิน กล่าวต้อนรับและแจ้งให้นายยาสึอากิ ทราบว่านายกรัฐมนตรี ได้ฝากความห่วงใยและให้ความสำคัญกับคดีนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นคดีอาญาร้ายแรงกระทำต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในเรื่องความปลอดภัย ยิ่งกว่านั้นประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน ซึ่งรัฐบาลไทยจะติดตามการดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง 


ทั้งนี้จะให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานดูแลในเรื่องการประสาน งานในภาพรวม และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานดูแลให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายและปลอดภัยเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก และไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ 

ขณะเดียวกัน ในการติดตามการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ได้มอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการโดยประสานงานร่วมกับตำรวจในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ซึ่งในส่วนของกรมฯ ได้ชี้แจงถึงผลการสืบสวนสอบสวนว่าได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีเบาะแสเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยเจ้าหน้าที่ของกรมฯได้ดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ในการสืบสวนพฤติกรรม พิสูจน์บุคคล และนำไปสู่การจัดเก็บสารพันธุกรรม (DNA) ของผู้ต้องสงสัยเพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบ แต่จนถึงขณะนี้ผลที่ได้รับยังไม่ตรงกับ DNA ของบุคคลที่คาดว่าจะเป็นผู้กระทำความผิดที่พบจากเสื้อผ้าของน.ส.โทโมโกะ โดยเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานประสานกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 

และสำหรับการรับแจ้งเบาะแสนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษได้อนุมัติเพิ่มเงินรางวัลสำหรับบุคคลที่ชี้เบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนิน คดี เพิ่มขึ้นอีก400,000 บาทจากเดิม เงินรางวัลรวม 1,600,000 บาท เป็น 2,000,000 บาท ประกอบด้วย เงินรางวัลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ 1,400,000 บาท รวมกับของตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย 500,000 บาท และของนายยาสึอากิ อีก 100,000 บาท

นายยาสึอากิ ได้ขอบคุณในการให้ความสำคัญของรัฐบาลไทยต่อกรณีการฆาตกรรม น.ส.โทโมโกะและมีข้อห่วงใยเกี่ยวกับการดำเนินคดีโดยขอให้ทางการไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่องและทราบว่าคดีดังกล่าวมีอายุความ 20 ปี ซึ่งจะหมดอายุความในปี พ.ศ.2570 นายยาสึอากิ ได้ขอให้ไม่มีอายุความ เนื่องจากกรณีเช่นนี้ในประเทศญี่ปุ่นจะไม่มีอายุความ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ไม่ว่ารัฐบาลใดเนื่องจากเป็นคดีอาญาร้ายแรงที่กระทำต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติและกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศด้านการท่องเที่ยวด้วย

 

ส่วนประเด็นเรื่องอายุความรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมร่วมกันพิจารณาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามนายยาสึอากิ ได้เสนอแนะให้ประชาสัมพันธ์เพื่อหาเบาะแสติดตามตัวผู้กระทำความผิดเป็นภาษาภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นเพิ่มเติมจากป้ายประชาสัมพันธ์ที่เป็นภาษาไทย ซึ่งพล.อ.อ.ประจิน ได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกันพิจารณาในการจัดทำป้ายภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น โดยในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการประชาสัมพันธ์โดยจัดทำประกาศเป็นภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น ขึ้นเว็บไซต์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษเพิ่ม เติมอีกส่วนหนึ่ง และจะได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองเก่า จังหวัดสุโขไทย ท้องที่เกิดเหตุ ให้ประชาสัมพันธ์ทางสถานีวิทยุท้องถิ่น สมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดสุโขทัย ผู้นำชุมชนกลุ่มบุคคลที่อยู่ใช้สื่อสังคมออนไลน์อีกส่วนหนึ่งด้วย รวมทั้งของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้สั่งการให้รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นรับผิดชอบในด้านการประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณชนเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย

EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ-นำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิต 5 ราย ออกจากพื้นที่แล้ว ความคืบหน้าเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดน เขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ วันนี้ (25 ก.ค.) กระสุนปืนของฝั่งกัมพูชาตกมาที่ฝั่งไทย ค่าย ตชด.224 ประมาณ 3 ลูก ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ EOD ที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตั้งแต่ช่วงเช้า ต้องออกจากที่เกิดเหตุด่วน ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยยังทำการเก็บกู้ระเบิดที่หลงเหลือยังไม่แล้วเสร็จ เพราะกระสุนของทางกัมพูชายิงมาใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงทำการอพยพชั่วคราว ก่อนจะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เข้าเก็บร่างผู้เสียชีวิตภายในร้านสะดวกซื้อ พบผู้เสียชีวิต 5 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

รอง มทภ.2 เยี่ยมปลอบขวัญ ปชช. เชื่อสถานการณ์จบใน 3-7 วัน

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 ลงพื้นที่ปลอบขวัญประชาชนที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ เชื่อว่าสถานการณ์จะจบภายใน 3-7 วัน พลตรีนรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมายังที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีประชาชนมาลงทะเบียนพักมากที่สุดกว่า 5,000 คน โดยรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าติดปัญหาได้หรือไม่ เช่น เรื่องห้องน้ำอาหาร และที่นอน เป็นต้น จากนั้นได้เดินทักทายจับมือให้กำลังใจกับประชาชนโดยระบุขออย่ากังวลกับทรัพย์สินและบ้านเรือน ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยซ่อมแซม ส่วนคำถามที่ว่าประชาชนจะสามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ตามปกติเมื่อไหร่นั้น รองแม่ทัพภาคที่ 2 เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายภายใน 3-7 วันนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ปราศรัยกับประชาชนถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงรับผู้บาดเจ็บจากเหตุสู้รบในครั้งนี้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือนต่างๆ ที่เสียหายด้วย.-สำนักข่าวไทย