ดีเอสไอ18 ม.ค.-ดีเอสไอเพิ่มรางวัลผู้ชี้เบาะแสที่นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาฆาตกรรมนักท่องเที่ยวสาวญี่ปุ่นที่ จ.สุโขทัย เป็น 2 ล้านบาท ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตขอให้ไม่มีอายุความ หลัง 10 ปีผ่านไปยังจับไม่ได้ ซึ่งคดีดังกล่าวมีอายุความ 20 ปี จะหมดในปี 2570
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งว่า เมื่อวันที่17 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้การต้อนรับการเข้าพบของนายยาสึอากิ คาวาชิตะ บิดาของน.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ และคณะ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีที่น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ บุตรสาวที่ถูกฆาตกรรม เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2550 ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ โดยมีคณะเจ้าหน้าที่ร่วมให้การต้อนรับและชี้แจงข้อเท็จจริง ประกอบด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สอาดพรรค หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายวิทยา สุริยะวงค์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสันติ ป่าหวาย รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายปาณิดล ปัจฉิมสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกองเอเชียตะวันออก 4 กระทรวงการต่างประเทศ และนายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ รองผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวต้อนรับและแจ้งให้นายยาสึอากิ ทราบว่านายกรัฐมนตรี ได้ฝากความห่วงใยและให้ความสำคัญกับคดีนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นคดีอาญาร้ายแรงกระทำต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในเรื่องความปลอดภัย ยิ่งกว่านั้นประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน ซึ่งรัฐบาลไทยจะติดตามการดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้จะให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานดูแลในเรื่องการประสาน งานในภาพรวม และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานดูแลให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายและปลอดภัยเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก และไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
ขณะเดียวกัน ในการติดตามการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ได้มอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการโดยประสานงานร่วมกับตำรวจในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ซึ่งในส่วนของกรมฯ ได้ชี้แจงถึงผลการสืบสวนสอบสวนว่าได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีเบาะแสเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยเจ้าหน้าที่ของกรมฯได้ดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ในการสืบสวนพฤติกรรม พิสูจน์บุคคล และนำไปสู่การจัดเก็บสารพันธุกรรม (DNA) ของผู้ต้องสงสัยเพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบ แต่จนถึงขณะนี้ผลที่ได้รับยังไม่ตรงกับ DNA ของบุคคลที่คาดว่าจะเป็นผู้กระทำความผิดที่พบจากเสื้อผ้าของน.ส.โทโมโกะ โดยเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานประสานกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
และสำหรับการรับแจ้งเบาะแสนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษได้อนุมัติเพิ่มเงินรางวัลสำหรับบุคคลที่ชี้เบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนิน คดี เพิ่มขึ้นอีก400,000 บาทจากเดิม เงินรางวัลรวม 1,600,000 บาท เป็น 2,000,000 บาท ประกอบด้วย เงินรางวัลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ 1,400,000 บาท รวมกับของตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย 500,000 บาท และของนายยาสึอากิ อีก 100,000 บาท
นายยาสึอากิ ได้ขอบคุณในการให้ความสำคัญของรัฐบาลไทยต่อกรณีการฆาตกรรม น.ส.โทโมโกะและมีข้อห่วงใยเกี่ยวกับการดำเนินคดีโดยขอให้ทางการไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่องและทราบว่าคดีดังกล่าวมีอายุความ 20 ปี ซึ่งจะหมดอายุความในปี พ.ศ.2570 นายยาสึอากิ ได้ขอให้ไม่มีอายุความ เนื่องจากกรณีเช่นนี้ในประเทศญี่ปุ่นจะไม่มีอายุความ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ไม่ว่ารัฐบาลใดเนื่องจากเป็นคดีอาญาร้ายแรงที่กระทำต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติและกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศด้านการท่องเที่ยวด้วย
ส่วนประเด็นเรื่องอายุความรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมร่วมกันพิจารณาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามนายยาสึอากิ ได้เสนอแนะให้ประชาสัมพันธ์เพื่อหาเบาะแสติดตามตัวผู้กระทำความผิดเป็นภาษาภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นเพิ่มเติมจากป้ายประชาสัมพันธ์ที่เป็นภาษาไทย ซึ่งพล.อ.อ.ประจิน ได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกันพิจารณาในการจัดทำป้ายภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น โดยในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการประชาสัมพันธ์โดยจัดทำประกาศเป็นภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น ขึ้นเว็บไซต์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษเพิ่ม เติมอีกส่วนหนึ่ง และจะได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองเก่า จังหวัดสุโขไทย ท้องที่เกิดเหตุ ให้ประชาสัมพันธ์ทางสถานีวิทยุท้องถิ่น สมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดสุโขทัย ผู้นำชุมชนกลุ่มบุคคลที่อยู่ใช้สื่อสังคมออนไลน์อีกส่วนหนึ่งด้วย รวมทั้งของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้สั่งการให้รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นรับผิดชอบในด้านการประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณชนเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย .-สำนักข่าวไทย