พรรคการเมืองนำเสนอนโยบายเหลื่อมล้ำทางสังคม

กรุงเทพฯ 16 ม.ค.-พรรคการเมืองเห็นตรงกันต้องเร่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทั้งรายได้ การศึกษา และสาธารณสุข ให้มีความเสมอภาคกัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวทีเสวนาวิชาการ หัวข้อ  “มุมมองทางการเมือง ต่อความเหลื่อมล้ำทางสังคม” ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ร่วมกับมติชน  มีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำต้องยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากโครงสร้างหลายอย่างทางสังคมและเศรษฐกิจ และความเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ พรรคเสนอแนวความคิดในการแก้ปัญหา 7 ประเด็น เราต้องมีรัฐบาลพร้อมจะเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการบริหารเศรษฐกิจ ยึดภาพรวมของการกระจายรายได้ และทุกนโยบาย ทุกมาตรการจะต้องประเมินผลกระทบว่าส่งผลกระทบต่อการกระจายรายได้อย่างไร


เช่นการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีรายได้  จัดสรรทรัพยากรเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ  จัดการกับปัญหาการผูกขาด ทั้งภาครัฐ และเอกชน ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการแข่งขันทางการค้า รัฐบาลต้องมองประโยชน์ของส่วนรวม  จัดระบบสวัสดิการ โดยนำแนวคิดประกันรายได้ภาคการเกษตร ไม่แทรกแซงตลาด มาขยายไปสู่ภาคแรงงาน เพื่อช่วยสร้างความอุ่นใจให้คนวัยทำงาน สานต่องานที่เคยทำให้ผู้สูงอายุ และเด็ก  บริการพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านการศึกษา และสาธารณสุขต้องมีความเป็นธรรม  ปรับระบบโครงสร้างภาษีให้คนที่มีกำลังจ่าย จ่ายมากขึ้น  ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และการเมืองต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะต้องกระจายอำนาจให้เลือกผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่มีความพร้อม ซึ่งจังหวัดเหล่านี้จะสามารถจัดระบบขนส่งมวลชนของตนเองได้โดยไม่ต้องรอส่วนกลาง พร้อมสนับสนุนระบบขนส่งมวลชนโดยเฉพาะรถไฟฟ้าโดยที่รัฐแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเพราะระบบเหล่านี้ไม่มีโครงการใดที่คุ้มทุน แต่มีความจำเป็นที่จะช่วยระบบจราจร 

นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เสนอแนวทางแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยพัฒนาระบบการเกษตร  เพราะรายได้ของเกษตรกรต่อครัวเรือนเฉลี่ยคนละ 5,000 บาท จึงจะติดอาวุธทางปัญญาให้กับเกษตรกรเพื่อพัฒนาผลผลิตทางการเกษตร ให้มีคุณภาพ ต้นทุนต่ำ ขายสินค้าได้  การพัฒนาการศึกษา เพื่อให้การศึกษาไทยหลุดจากวงจรการเมือง ตั้งสภาร่างพ.ร.บ.การศึกษาชาติ โดยให้เด็กเข้าไปมีส่วนร่วมในการร่างอนาคตตัวเอง


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศเกิดจากโครงสร้าง เสนอดึงอำนาจทางการเมืองและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ลงมาแล้วกระจายไปสู่ประชาชนทั่วประเทศ 

ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยนับวันทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะระบบอุปถัมภ์ ระบบการเล่นพรรคเล่นพวก กลุ่มอภิสิทธิ์ชน กลุ่มที่เป็นผู้นำในสังคมซึ่งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่มีพลัง กุมอำนาจค่อนข้างจะเบ็ดเสร็จ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองและเครือข่าย จึงมีนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เพิ่มแหล่งเงินทุน และสิ่งสำคัญที่จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เน้นกระจายรายได้ มีมาตรการดูแลคนกลุ่มใหญ่ในสังคม ทั้งภาคเกษตรกร โดยพยุงราคาพืชผล นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ สร้างโอกาสให้คนทุกกลุ่ม ให้เข้าถึงสิทธิการศึกษา และสาธารณสุข

หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ยังกล่าวถึงนโยบายรถสาธารณะโดยสนับสนุนระบบขนส่งมวลชน แต่จะปรับปรุงราคาให้เหมาะสม เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าค่อนข้างสูง จึงมีแนวคิดจะซื้อสัมปทานรถไฟฟ้ากลับคืนมาบริหารในราคาที่เหมาะสม ในขณะที่ปรับเส้นทางรถเมล์มาเสริมรถไฟฟ้าแทน และใช้บัตรเชื่อมโยงทุกการคมนาคม

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่ใช่เรื่องเงินทองแต่เกี่ยวกับโอกาส เช่นโอกาสที่จะได้รับการศึกษาเท่าเทียม โอกาสประกอบอาชีพและรับบริการสาธารณสุข  โดยใน กทม.พบปัญหาความเหลื่อมล้ำมากที่สุดซึ่งแนวทางในการแก้ปัญหาต้องปรับแนวคิดภาครัฐ มีการกระจายอำนาจ และต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของหน่วยงานราชการ

นายสิริพงศ์ กล่าวถึงปัญหาระบบขนส่งของคนกรุงเทพฯว่าปัญหาของรถไฟฟ้ายังไม่เป็นระบบ ขาดการวางแผนที่ดี ไม่ครบโครงข่าย จึงเห็นว่ารัฐบาลใหม่จะต้องเปลี่ยนแนวคิด และมองให้รอบด้าน เพื่อให้การลงทุนต่างๆ ส่งผลต่อรายได้ของประชาชนในประเทศ เงินหมุนในระบบได้  พร้อมเสนอนโยบายShairing Economy ระบบขนส่งแบ่งปันมาใช้

นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล  ตัวแทนพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนมี  20 เท่า ดังนั้นต้องแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง  เช่นพัฒนาแหล่งน้ำให้ทำการเกษตรพอเพียงปรับปรุงดินให้มีคุณภาพ  ส่วนเรื่องระบบขนส่งมวลชนมีความสำคัญและจำเป็น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ เช่น นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต แต่รถเมล์ก็ยังมีความจำเป็นในกรณีที่พื้นที่รถไฟฟ้าไม่สามารถเข้าถึงได้ 

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ตัวแทนพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวว่า สิ่งแรกต้องทำให้ทุกคนได้รับการศึกษาที่ดี นอกจากนี้ต้องแก้ปัญหาปากท้อง วางแผนทางการเกษตรให้ดี เน้นการท่องเที่ยวชุมชน และเชิงนิเวศน์  สำหรับระบบขนส่งมวลชน ควรต้องส่งเสริมรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เพราะช่วยลดการใช้น้ำมัน แต่รถเมล์ยังจำเป็น และในพื้นที่กรุงเทพฯ คนใช้รถมอเตอร์ไซด์กันมาก จึงควรปรับปรุงให้ปลอดภัย และควรขยายระบบรถไฟไปในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่

นายนพดล ปัทมา ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ารัฐต้องชวยเหลือดูแลแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยพรรคมีนโยบายสร้างรายได้ สร้างโอกาสและสร้างอนาคต การศึกษาเป็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ตรงจุดที่สุด ลดเวลาเรียน และปรับโครงสร้างหนี้ กยศ. นอกจากนี้ต้องแก้ปัญหาอื่น ๆ เช่นผู้ใช้แรงงาน ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว ขายสินค้าการเกษตร และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ 

นายนพดล เสนอระบบขนส่งมวลชนในระบบใยแมงมุม ขยายให้ครอบคลุม แม้การลงทุนสูง แต่คุ้มค่า แต่ยังคงรถเมล์ที่จะต้องเสริมรถไฟฟ้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย