กรุงเทพฯ 16 ม.ค.-พรรคการเมืองเห็นตรงกันต้องเร่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทั้งรายได้ การศึกษา และสาธารณสุข ให้มีความเสมอภาคกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวทีเสวนาวิชาการ หัวข้อ “มุมมองทางการเมือง ต่อความเหลื่อมล้ำทางสังคม” ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ร่วมกับมติชน มีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำต้องยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากโครงสร้างหลายอย่างทางสังคมและเศรษฐกิจ และความเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ พรรคเสนอแนวความคิดในการแก้ปัญหา 7 ประเด็น เราต้องมีรัฐบาลพร้อมจะเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการบริหารเศรษฐกิจ ยึดภาพรวมของการกระจายรายได้ และทุกนโยบาย ทุกมาตรการจะต้องประเมินผลกระทบว่าส่งผลกระทบต่อการกระจายรายได้อย่างไร
เช่นการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีรายได้ จัดสรรทรัพยากรเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ จัดการกับปัญหาการผูกขาด ทั้งภาครัฐ และเอกชน ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการแข่งขันทางการค้า รัฐบาลต้องมองประโยชน์ของส่วนรวม จัดระบบสวัสดิการ โดยนำแนวคิดประกันรายได้ภาคการเกษตร ไม่แทรกแซงตลาด มาขยายไปสู่ภาคแรงงาน เพื่อช่วยสร้างความอุ่นใจให้คนวัยทำงาน สานต่องานที่เคยทำให้ผู้สูงอายุ และเด็ก บริการพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านการศึกษา และสาธารณสุขต้องมีความเป็นธรรม ปรับระบบโครงสร้างภาษีให้คนที่มีกำลังจ่าย จ่ายมากขึ้น ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และการเมืองต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะต้องกระจายอำนาจให้เลือกผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่มีความพร้อม ซึ่งจังหวัดเหล่านี้จะสามารถจัดระบบขนส่งมวลชนของตนเองได้โดยไม่ต้องรอส่วนกลาง พร้อมสนับสนุนระบบขนส่งมวลชนโดยเฉพาะรถไฟฟ้าโดยที่รัฐแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเพราะระบบเหล่านี้ไม่มีโครงการใดที่คุ้มทุน แต่มีความจำเป็นที่จะช่วยระบบจราจร
นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เสนอแนวทางแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยพัฒนาระบบการเกษตร เพราะรายได้ของเกษตรกรต่อครัวเรือนเฉลี่ยคนละ 5,000 บาท จึงจะติดอาวุธทางปัญญาให้กับเกษตรกรเพื่อพัฒนาผลผลิตทางการเกษตร ให้มีคุณภาพ ต้นทุนต่ำ ขายสินค้าได้ การพัฒนาการศึกษา เพื่อให้การศึกษาไทยหลุดจากวงจรการเมือง ตั้งสภาร่างพ.ร.บ.การศึกษาชาติ โดยให้เด็กเข้าไปมีส่วนร่วมในการร่างอนาคตตัวเอง
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศเกิดจากโครงสร้าง เสนอดึงอำนาจทางการเมืองและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ลงมาแล้วกระจายไปสู่ประชาชนทั่วประเทศ
ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยนับวันทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะระบบอุปถัมภ์ ระบบการเล่นพรรคเล่นพวก กลุ่มอภิสิทธิ์ชน กลุ่มที่เป็นผู้นำในสังคมซึ่งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่มีพลัง กุมอำนาจค่อนข้างจะเบ็ดเสร็จ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองและเครือข่าย จึงมีนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เพิ่มแหล่งเงินทุน และสิ่งสำคัญที่จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เน้นกระจายรายได้ มีมาตรการดูแลคนกลุ่มใหญ่ในสังคม ทั้งภาคเกษตรกร โดยพยุงราคาพืชผล นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ สร้างโอกาสให้คนทุกกลุ่ม ให้เข้าถึงสิทธิการศึกษา และสาธารณสุข
หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ยังกล่าวถึงนโยบายรถสาธารณะโดยสนับสนุนระบบขนส่งมวลชน แต่จะปรับปรุงราคาให้เหมาะสม เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าค่อนข้างสูง จึงมีแนวคิดจะซื้อสัมปทานรถไฟฟ้ากลับคืนมาบริหารในราคาที่เหมาะสม ในขณะที่ปรับเส้นทางรถเมล์มาเสริมรถไฟฟ้าแทน และใช้บัตรเชื่อมโยงทุกการคมนาคม
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่ใช่เรื่องเงินทองแต่เกี่ยวกับโอกาส เช่นโอกาสที่จะได้รับการศึกษาเท่าเทียม โอกาสประกอบอาชีพและรับบริการสาธารณสุข โดยใน กทม.พบปัญหาความเหลื่อมล้ำมากที่สุดซึ่งแนวทางในการแก้ปัญหาต้องปรับแนวคิดภาครัฐ มีการกระจายอำนาจ และต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของหน่วยงานราชการ
นายสิริพงศ์ กล่าวถึงปัญหาระบบขนส่งของคนกรุงเทพฯว่าปัญหาของรถไฟฟ้ายังไม่เป็นระบบ ขาดการวางแผนที่ดี ไม่ครบโครงข่าย จึงเห็นว่ารัฐบาลใหม่จะต้องเปลี่ยนแนวคิด และมองให้รอบด้าน เพื่อให้การลงทุนต่างๆ ส่งผลต่อรายได้ของประชาชนในประเทศ เงินหมุนในระบบได้ พร้อมเสนอนโยบายShairing Economy ระบบขนส่งแบ่งปันมาใช้
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ตัวแทนพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนมี 20 เท่า ดังนั้นต้องแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง เช่นพัฒนาแหล่งน้ำให้ทำการเกษตรพอเพียงปรับปรุงดินให้มีคุณภาพ ส่วนเรื่องระบบขนส่งมวลชนมีความสำคัญและจำเป็น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ เช่น นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต แต่รถเมล์ก็ยังมีความจำเป็นในกรณีที่พื้นที่รถไฟฟ้าไม่สามารถเข้าถึงได้
นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ตัวแทนพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวว่า สิ่งแรกต้องทำให้ทุกคนได้รับการศึกษาที่ดี นอกจากนี้ต้องแก้ปัญหาปากท้อง วางแผนทางการเกษตรให้ดี เน้นการท่องเที่ยวชุมชน และเชิงนิเวศน์ สำหรับระบบขนส่งมวลชน ควรต้องส่งเสริมรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เพราะช่วยลดการใช้น้ำมัน แต่รถเมล์ยังจำเป็น และในพื้นที่กรุงเทพฯ คนใช้รถมอเตอร์ไซด์กันมาก จึงควรปรับปรุงให้ปลอดภัย และควรขยายระบบรถไฟไปในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่
นายนพดล ปัทมา ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ารัฐต้องชวยเหลือดูแลแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยพรรคมีนโยบายสร้างรายได้ สร้างโอกาสและสร้างอนาคต การศึกษาเป็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ตรงจุดที่สุด ลดเวลาเรียน และปรับโครงสร้างหนี้ กยศ. นอกจากนี้ต้องแก้ปัญหาอื่น ๆ เช่นผู้ใช้แรงงาน ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว ขายสินค้าการเกษตร และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
นายนพดล เสนอระบบขนส่งมวลชนในระบบใยแมงมุม ขยายให้ครอบคลุม แม้การลงทุนสูง แต่คุ้มค่า แต่ยังคงรถเมล์ที่จะต้องเสริมรถไฟฟ้า.-สำนักข่าวไทย