พรรคการเมืองนำเสนอนโยบายเหลื่อมล้ำทางสังคม

กรุงเทพฯ 16 ม.ค.-พรรคการเมืองเห็นตรงกันต้องเร่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทั้งรายได้ การศึกษา และสาธารณสุข ให้มีความเสมอภาคกัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวทีเสวนาวิชาการ หัวข้อ  “มุมมองทางการเมือง ต่อความเหลื่อมล้ำทางสังคม” ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ร่วมกับมติชน  มีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำต้องยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากโครงสร้างหลายอย่างทางสังคมและเศรษฐกิจ และความเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ พรรคเสนอแนวความคิดในการแก้ปัญหา 7 ประเด็น เราต้องมีรัฐบาลพร้อมจะเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการบริหารเศรษฐกิจ ยึดภาพรวมของการกระจายรายได้ และทุกนโยบาย ทุกมาตรการจะต้องประเมินผลกระทบว่าส่งผลกระทบต่อการกระจายรายได้อย่างไร


เช่นการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีรายได้  จัดสรรทรัพยากรเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ  จัดการกับปัญหาการผูกขาด ทั้งภาครัฐ และเอกชน ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการแข่งขันทางการค้า รัฐบาลต้องมองประโยชน์ของส่วนรวม  จัดระบบสวัสดิการ โดยนำแนวคิดประกันรายได้ภาคการเกษตร ไม่แทรกแซงตลาด มาขยายไปสู่ภาคแรงงาน เพื่อช่วยสร้างความอุ่นใจให้คนวัยทำงาน สานต่องานที่เคยทำให้ผู้สูงอายุ และเด็ก  บริการพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านการศึกษา และสาธารณสุขต้องมีความเป็นธรรม  ปรับระบบโครงสร้างภาษีให้คนที่มีกำลังจ่าย จ่ายมากขึ้น  ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และการเมืองต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะต้องกระจายอำนาจให้เลือกผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่มีความพร้อม ซึ่งจังหวัดเหล่านี้จะสามารถจัดระบบขนส่งมวลชนของตนเองได้โดยไม่ต้องรอส่วนกลาง พร้อมสนับสนุนระบบขนส่งมวลชนโดยเฉพาะรถไฟฟ้าโดยที่รัฐแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเพราะระบบเหล่านี้ไม่มีโครงการใดที่คุ้มทุน แต่มีความจำเป็นที่จะช่วยระบบจราจร 

นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เสนอแนวทางแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยพัฒนาระบบการเกษตร  เพราะรายได้ของเกษตรกรต่อครัวเรือนเฉลี่ยคนละ 5,000 บาท จึงจะติดอาวุธทางปัญญาให้กับเกษตรกรเพื่อพัฒนาผลผลิตทางการเกษตร ให้มีคุณภาพ ต้นทุนต่ำ ขายสินค้าได้  การพัฒนาการศึกษา เพื่อให้การศึกษาไทยหลุดจากวงจรการเมือง ตั้งสภาร่างพ.ร.บ.การศึกษาชาติ โดยให้เด็กเข้าไปมีส่วนร่วมในการร่างอนาคตตัวเอง


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศเกิดจากโครงสร้าง เสนอดึงอำนาจทางการเมืองและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ลงมาแล้วกระจายไปสู่ประชาชนทั่วประเทศ 

ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยนับวันทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะระบบอุปถัมภ์ ระบบการเล่นพรรคเล่นพวก กลุ่มอภิสิทธิ์ชน กลุ่มที่เป็นผู้นำในสังคมซึ่งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่มีพลัง กุมอำนาจค่อนข้างจะเบ็ดเสร็จ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองและเครือข่าย จึงมีนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เพิ่มแหล่งเงินทุน และสิ่งสำคัญที่จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เน้นกระจายรายได้ มีมาตรการดูแลคนกลุ่มใหญ่ในสังคม ทั้งภาคเกษตรกร โดยพยุงราคาพืชผล นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ สร้างโอกาสให้คนทุกกลุ่ม ให้เข้าถึงสิทธิการศึกษา และสาธารณสุข

หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ยังกล่าวถึงนโยบายรถสาธารณะโดยสนับสนุนระบบขนส่งมวลชน แต่จะปรับปรุงราคาให้เหมาะสม เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าค่อนข้างสูง จึงมีแนวคิดจะซื้อสัมปทานรถไฟฟ้ากลับคืนมาบริหารในราคาที่เหมาะสม ในขณะที่ปรับเส้นทางรถเมล์มาเสริมรถไฟฟ้าแทน และใช้บัตรเชื่อมโยงทุกการคมนาคม

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่ใช่เรื่องเงินทองแต่เกี่ยวกับโอกาส เช่นโอกาสที่จะได้รับการศึกษาเท่าเทียม โอกาสประกอบอาชีพและรับบริการสาธารณสุข  โดยใน กทม.พบปัญหาความเหลื่อมล้ำมากที่สุดซึ่งแนวทางในการแก้ปัญหาต้องปรับแนวคิดภาครัฐ มีการกระจายอำนาจ และต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของหน่วยงานราชการ

นายสิริพงศ์ กล่าวถึงปัญหาระบบขนส่งของคนกรุงเทพฯว่าปัญหาของรถไฟฟ้ายังไม่เป็นระบบ ขาดการวางแผนที่ดี ไม่ครบโครงข่าย จึงเห็นว่ารัฐบาลใหม่จะต้องเปลี่ยนแนวคิด และมองให้รอบด้าน เพื่อให้การลงทุนต่างๆ ส่งผลต่อรายได้ของประชาชนในประเทศ เงินหมุนในระบบได้  พร้อมเสนอนโยบายShairing Economy ระบบขนส่งแบ่งปันมาใช้

นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล  ตัวแทนพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนมี  20 เท่า ดังนั้นต้องแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง  เช่นพัฒนาแหล่งน้ำให้ทำการเกษตรพอเพียงปรับปรุงดินให้มีคุณภาพ  ส่วนเรื่องระบบขนส่งมวลชนมีความสำคัญและจำเป็น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ เช่น นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต แต่รถเมล์ก็ยังมีความจำเป็นในกรณีที่พื้นที่รถไฟฟ้าไม่สามารถเข้าถึงได้ 

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ตัวแทนพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวว่า สิ่งแรกต้องทำให้ทุกคนได้รับการศึกษาที่ดี นอกจากนี้ต้องแก้ปัญหาปากท้อง วางแผนทางการเกษตรให้ดี เน้นการท่องเที่ยวชุมชน และเชิงนิเวศน์  สำหรับระบบขนส่งมวลชน ควรต้องส่งเสริมรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เพราะช่วยลดการใช้น้ำมัน แต่รถเมล์ยังจำเป็น และในพื้นที่กรุงเทพฯ คนใช้รถมอเตอร์ไซด์กันมาก จึงควรปรับปรุงให้ปลอดภัย และควรขยายระบบรถไฟไปในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่

นายนพดล ปัทมา ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ารัฐต้องชวยเหลือดูแลแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยพรรคมีนโยบายสร้างรายได้ สร้างโอกาสและสร้างอนาคต การศึกษาเป็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ตรงจุดที่สุด ลดเวลาเรียน และปรับโครงสร้างหนี้ กยศ. นอกจากนี้ต้องแก้ปัญหาอื่น ๆ เช่นผู้ใช้แรงงาน ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว ขายสินค้าการเกษตร และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ 

นายนพดล เสนอระบบขนส่งมวลชนในระบบใยแมงมุม ขยายให้ครอบคลุม แม้การลงทุนสูง แต่คุ้มค่า แต่ยังคงรถเมล์ที่จะต้องเสริมรถไฟฟ้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]