กรุงเทพฯ 14 ม.ค.- ตำรวจดำเนินคดีข้อหา”ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรและกีดขวางการจราจร”กับกลุ่มขับรถสปอตจอดขวางและปิดการจราจรกลางถนนสี่แยกวัดศรีพันตันต้น จ.น่านแล้ว
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าสื่อได้นำเสนอ ข่าวกรณีที่มีการแชร์คลิปวีดีโอใน เฟซบุ๊ก ปรากฎ ภาพเคลื่อนไหวบันทึกเหตุการณ์ มีผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งสปร์อต จำนวน 2 คัน จอดขวางบริเวณสี่แยกไฟแดง เพื่อปิดไม่ให้รถจากฝั่งหนึ่งซึ่งได้รับสัญญาณไฟเขียวนั้นขับได้ตามปกติ เพื่อให้เพื่อนร่วมขบวนของกลุ่มตนนั้นผ่าไฟแดงไปได้ทั้งขบวน จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันแพร่หลายในโลกโซเชียล ในเขตพื้นที่ สภ.เมืองน่าน ภ.จว.น่าน ว่า ได้รับรายงานเพิ่มเติม จาก สภ.เมืองน่าน ภ.จว.น่าน ภายหลังที่มีการแชร์คลิบดังกล่าวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2562 เวลาประมาณ 17.45 น.กลุ่มผู้ใช้รถยนต์เก๋งสปอร์ต โรสเตอร์ ยี่ห้อปอร์เช่ มีพฤติการณ์กระทำผิดกฎหมาย โดยนำรถยนต์เก๋ง 2 คัน มาจอดขวางกลางถนนสี่แยกวัดศรีพันต้น เพื่อให้รถยนต์กลุ่มตนที่มุ่งหน้ามาตามถนนเจ้าฟ้าแล้วเลี้ยวขวาที่ สี่แยกเพื่อมุ่งหน้ามาตามถนนสุริยพงศ์ อันมีลักษณะฝ่าฝืนกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522
โดยต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้ลงพื้นที่หาเบาะแส รวมถึงจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทำให้ทราบถึงกลุ่มผู้ขับขี่รถยนต์ดังกล่าวทั้งหมด โดยในวันเดียวกัน 13 มกราคม 2561 เวลาประมาณ 21.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเชิญตัวกลุ่มผู้ขับขี่ผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งสปอร์ตทั้งหมด 7 คัน มารับทราบข้อกล่าวหา โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ ผู้ขับขี่จำนวน 2 คันที่จอดรถขวางบริเวณสี่แยก ในความผิดฐาน “ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดงและขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร” พร้อมทั้งดำเนินคดีกับกลุ่มขับขี่รถยนต์ในขบวนที่เหลืออีกจำนวน 5 ราย ที่ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดง โดยแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดง” ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 22 ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดนั้นในการรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของคดีนี้นั้น มีความคืบหน้ามากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามกลุ่มผู้ต้องหารวมถึงพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้งหมดแล้ว โดยขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ขับรถโดยเคารพและปฏิบัติตามกฎจราจร เพราะหากไม่ปฏิบัติตามแล้วย่อมส่งผลเสียต่อผู้ร่วมทางด้วยกัน รวมถึงมีโทษและต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด อีกทั้งเพื่อลดอัตราความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยในแต่ละปีนั้น มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุและการสูญเสียทั้งในชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมากจากอุบัติเหตุจราจร โดยขอให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญในการ เคารพกฎจราจร และมีน้ำใจต่อกันบนท้องถนน.–สำนักข่าวไทย