ร.21รอ. 5 ก.ย.-“พล.อ.ประวิตร” เผยรู้สึกภูมิใจ ทหาร 18 ประเทศร่วมฝึกการช่วยเหลือมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติที่ไทย ถือเป็นการฝึกใหญ่ที่สุด ต่อไปจะมีการฝึกร่วมกันทุก ๆ ปี เน้นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดการฝึกร่วมระหว่างคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารกับคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (ADMM-Plus Military Medicine-Humanitarian Assistance and Disaster Relief Joint Exercise 2016 : AM-HEx 2016) โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยเอกอัครราชทูต ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารจากประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา รวมทั้งผู้แทนจากองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธีเปิดการฝึกฯ ณ ค่ายนวมินทราชินี จังหวัดชลบุรี กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21รอ.)
กระทรวงกลาโหมไทย กระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซีย กระทรวงป้องกันประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกร่วมฯ ระหว่างวันที่ 1-11 กันยายน 2559 โดยถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของความร่วมมือทางทหาร ภายใต้กลไกการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา หรือ ADMM-Plus ซึ่งการฝึกร่วมฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการแบ่งปันประสบการณ์ ข้อมูล ทักษะความรู้ระหว่างเจ้าหน้าที่แพทย์ทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ตลอดจนพัฒนาศักยภาพของหน่วยทหารในภูมิภาคในการปฏิบัติการร่วมด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ
โดยกำลังพลและยุทโธปกรณ์ที่เข้าร่วมการฝึก ประกอบด้วย กำลังทหารจากประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ประมาณ 2,000 นาย โดยมียุทโธปกรณ์ที่เข้าร่วมการฝึก เช่น อากาศยาน C-130, Sea Hawk, Mi-17 และเรือหลวงอ่างทองจากประเทศไทย เรือ LST จากสาธารณรัฐประชาชนจีน อากาศยาน Ka-27 และเรือพยาบาลจากสหพันธรัฐรัสเซีย อากาศยาน CH-47 และเรือ LST จากญี่ปุ่น อากาศยาน Super Puma จากสาธารณรัฐสิงคโปร์ และอากาศยาน C-295 จากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ภายหลัง ว่า การฝึกครั้งนี้ถือว่าเป็นการฝึกใหญ่ที่สุด โดยต่อไปจะมีการฝึกร่วมกันทุก ๆ ปี แต่ละปีอาจมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการฝึกบ้าง แต่จะเน้นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เนื่องจากปัจจุบันไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเกิดภัยพิบัติในพื้นที่ใดของอาเซียนและประเทศคู่เจรจา
“ผมรู้สึกภูมิใจที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางช่วยเหลือภัยพิบัติและการแพทย์ทหาร โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีกับมิตรประเทศทั้ง 18 ประเทศ และคาดหวังต่อไปในอนาคต เราจะทำให้การฝึกในครั้งนี้เป็นสากลมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจา แม้แต่ประเทศรัฐเซียที่อยู่ห่างไกลยังส่งยุทโธปกรณ์มาร่วมฝึก รวมถึงประเทศญี่ปุ่นด้วย นับว่าประเทศไทยเป็นสากล มีแต่คนไทยที่ต้องช่วยเหลือดูแลกันให้เกิดความเจริญให้กับประเทศไทย” พล.อ.ประวิตร กล่าว
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ส่วนแผนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์เพื่อรองรับการช่วยเหลือภัยพิบัตินั้น อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ที่มาร่วมงานในวันนี้ จะไปพิจารณาและประสานงานกับกองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพ เพื่อดูว่าอะไรที่สามารถบูรณาการร่วมกันได้ เพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต.-สำนักข่าวไทย