ถอดบทเรียน 14 ปี สึนามิบ้านน้ำเค็ม

พังงา 26 ธ.ค.- หลังวานนี้ สำนักข่าวไทย นำเสนอถึงปัญหาของวิทยุสื่อสาร ในพื้นที่บ้านน้ำเค็มที่พังเสียหายใช้การไม่ได้ จนกำลังเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้การแจ้งเตือนภัยและการกระจายข่าวในยามอพยพหนีคลื่นยักษ์สึนามิทำได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ วันนี้เราจะพาไปดูการถอดบทเรียนจากเหตุสึนามิเมื่อปี 47 ของชุมชนแห่งนี้กันบ้าง รวมถึงปัญหาเรื่องอาคารหลบภัยที่ยังรอคอยการแก้ไข


ความเจ็บปวดจากการต้องสูญเสียคนที่รัก ทำให้ชาวบ้านน้ำเค็มตื่นตัวกับภัยคลื่นยักษ์สึนามิเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากการจัดทำแผนชุมชนที่ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน


ลุงวันชัย จิตต์เจริญ คือหนึ่งในทีมอาสาสมัครเฝ้าระวังภัยสึนามิบ้านน้ำเค็ม พาทีมข่าวสำรวจดูเส้นทางอพยพหลบภัยสึนามิของที่นี่ ลุงวันชัย บอกว่า เส้นทางหนีคลื่นยักษ์สึนามิบ้านน้ำเค็มมีทั้งหมด 5 เส้นทาง ทุกเส้นทางถูกกำหนดโดยชาวบ้านในชุมชนเอง โดยแต่ละคนจะเป็นผู้เลือกและตัดสินใจว่าจะอพยพไปยังที่ใด ระหว่างโรงเรียนบ้านน้ำเค็มและวัดน้ำเค็ม ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะรอดปลอดภัยจากคลื่นยักษ์หากไปถึงที่นั่น

ความตื่นตัวต่อภัยธรรมชาติสึนามิของชาวบ้านน้ำเค็ม ยังสะท้อนออกมาให้เห็นผ่านป้ายหนีคลื่นยักษ์สึนามิ ที่มีความแตกต่างไปจากพื้นที่เสี่ยงภัยในจังหวัดอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ป้ายหนีคลื่นยักษ์ของที่นี่ถูกติดตั้งในทุกระยะ 30 เมตร ทั้งถนนฝั่งซ้ายและขวา อักษรบนแผ่นป้ายบอกจุดปลอดภัย และระยะทางถึงจุดปลอดภัย ซึ่งตัวเลขเปลี่ยนไปในทุกระยะ โดยประธานคณะกรรมการศูนย์เตรียมความพร้อมรับมือสึนามิบ้านน้ำเค็มบอกว่า ที่เป็นเช่นนี้เพื่อป้องกันความสับสนในยามที่มีการอพยพ และเพื่อให้ผู้ประสบภัยประเมินสถานการณ์ว่าจะหนีไปทางเส้นทางไหนจึงจะถึงจุดปลอดภัยได้เร็วที่สุด  


ประธานคณะกรรมการศูนย์เตรียมความพร้อมรับมือสึนามิบ้านน้ำเค็มบอกว่า แม้ชาวบ้านน้ำเค็มจะมีแผนรับมือสึนามิที่แข้มแข็ง แต่ก็ยังอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติมโดยเฉพาะ การก่อสร้างอาคารหลบภัยสึนามิหลังใหม่ โดยเสนอให้สร้างบริเวณท่าเทียบเรือของหมู่บ้าน เนื่องจากอาคารหลบภัยสึนามิที่มีอยู่เดิมจำนวน 1 หลัง สร้างอยู่ในพื้นที่ๆ ไม่เกิดประโยชน์ ชาวบ้านไม่เคยใช้งานได้จริง และไม่มั่นใจว่าอาคารหลบภัยหลังดังกล่าวจะปลอดภัยจากคลื่นยักษ์ 

สำหรับชุมชนบ้านน้ำเค็มเคยเกือบเป็นชุมชนที่ต้องล่มสลาย จากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มชายฝั่งอันดามันเมื่อวันเดียวกันนี้ในปี 2547 โดยในขณะนั้นมีชาวบ้านน้ำเค็มเสียชีวิตมากถึง 1,400 คน โดยในจำนวนนี้มีบางครอบครัวที่ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวและญาติพี่น้องไปในคราวเดียวกันร่วม 10 คน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน