14 ปี สึนามิ ปัญหาเครื่องมือสื่อสารที่รอการแก้ไข

พังงา 25 ธ.ค.- เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มชายฝั่งอันดามันเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 5,000 คน ในประเทศไทย โดย จ.พังงา เป็นพื้นที่ประสบภัยที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุด ผ่านมา 14 ปี กระทั่งถึงวันนี้ ชาวบ้านที่นี่ยังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องเครื่องมือสื่อสารและการแจ้งเตือนภัยยังทำได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ


สิ้นเสียงเรียกของประยูร จงไกรจักร์ ประธานคณะกรรมการศูนย์เตรียมความพร้อมรับมือสึนามิบ้านน้ำเค็ม ปลายสายยังคงเงียบไร้เสียงตอบกลับ “ประยูร” บอกว่า วิทยุสื่อสารเครื่องนี้ ทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนำมาติดตั้งให้ชุมชนบ้านน้ำเค็ม หลังเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มชายฝั่งอันดามันเมื่อปี 2547 ด้วยหวังให้ชาวบ้านได้ใช้แจ้ง และรับข่าวสารการแจ้งเตือนภัยสึนามิกับ ปภ.และจังหวัดได้อย่างทันท่วงที หากทว่าวิทยุสื่อสารเครื่องนี้กลับไม่เคยใช้งานได้เลย นับตั้งแต่มีการติดตั้งเสร็จสิ้นกระทั่งล่วงเลยผ่านมาจนครบ 14 ปีแล้ว


วิทยุเครื่องแดงที่เห็นอยู่นี้ คือหนึ่งในเครื่องมือสื่อสารชิ้นสำคัญที่ชาวบ้านน้ำเค็มจะใช้ติดต่อกระจายข่าวถึงกันในกรณีที่มีการแจ้งเตือนภัยสึนามิ และต้องมีการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ โดยในอดีตวิทยุสื่อสารเหล่านี้เคยใช้งานได้ดี และมีมากกว่า 40 เครื่อง แต่ปัจจุบันชำรุดพังเสียหายเหลือใช้งานได้เพียง 3 เครื่องเท่านั้น


“ประยูร” บอกว่า วิทยุเครื่องแดงซึ่งปัจจุบันชำรุดพังเสียหายแทบทั้งหมด เหลือใช้การได้เพียง 3 เครื่อง ลดทอนประสิทธิภาพการแจ้งเตือนข่าวสาร และการกระจายข่าวแจ้งเตือนภัยสึนามิในบ้านน้ำเค็มให้ลดลงเป็นอย่างมาก  แม้ว่าปัจจุบันในชุมชนจะพยายามช่วยกันเฝ้าระวัง และมีการแบ่งหน้าที่การทำงานกันเป็นระบบ ทั้งฝ่ายเฝ้าระวังน้ำ ฝ่ายจราจร ฝ่ายอพยพ ฝ่ายลงทะเบียน และฝ่ายค้นหา แต่ทว่าทั้งหมดนี้ก็ดูจะด้อยประสิทธิภาพลงทันที เพราะการทำงานของแต่ละฝ่ายล้วนต้องพึ่งพาวิทยุสื่อสาร และแทบไม่สามารถฝากความหวังไว้กับสัญญาณโทรศัพท์มือถือได้เลย หากมีการแจ้งเตือนภัยสึนามิ

โศกนาฏกรรมจากเหตุคลื่นยักษ์สึนามิสร้างความเจ็บปวดให้ผู้ที่ต้องเผชิญความสูญเสียคนที่รักไปอย่างประเมินค่าไม่ได้ โดยเฉพาะชุมชนบ้านน้ำเค็ม ซึ่งมีสภาพพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ล้อมรอบด้วยทะเล ทำให้แรงคลื่นถาโถมเข้าทำลายทุกสรรพสิ่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว การเข้ามาช่วยส่งเสริมเครื่องมือสื่อสารที่มีประสิทธิภาพให้ชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัย จึงเสมือนเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติชนิดนี้ อันจะช่วยลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินได้ทันท่วงที.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง