สตช.สนองนโยบายนายกฯ ออกมาตรการเข้มก่อนปีใหม่ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศ

กรุงเทพฯ 20 ธ.ค.- สำนักงานตำรวจแห่งชาติสนองนโยบายนายกฯ ออกมาตรการเข้มสั่งระดมทั่วประเทศกวาดล้างคดีอาชญกรรมทุกรูปแบบและออกหาข่าวความเคลื่อนไหวต่างๆ ก่อนเทศกาลปีใหม่ เน้นย้ำให้เอาจริงกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจราจรป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น 


พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับการรักษาความปลอดภัยช่วงเทศกาลวันคริสต์มาสไปจนถึงปีใหม่ โดนเน้นการอำนวยความสะดวกประชาชน ด้านการดูแลความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกด้านจราจร ประกอบกับการเฝ้าระวังสถานการณ์ต่างๆ ในช่วงปีใหม่อย่างใกล้ชิดนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับ สั่งการ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกภาคส่วนให้ขับเคลื่อน ในการเพิ่มมาตรการดังกล่าว อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชนชน นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ดังต่อไปนี้

 มาตรการด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้สั่งการมีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศ ระหว่าง 24 ธ.ค. 2561 – 2 ม.ค. 2562 โดยเน้นการป้องกันและปราบปรามคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ในสถานที่สำคัญ เช่น สถานีขนส่ง ที่พักผู้โดยสาร แหล่งท่องเที่ยว พร้อมตรวจสอบบุคคลตามหมายจับค้างเก่า บุคคลเฝ้าระวัง บุคคลพ้นโทษ , สืบสวนหาข่าวและข้อมูลเชิงลึกเพื่อปิดล้อมตรวจค้นสิ่งของอาวุธต่างๆ ที่จะใช้ในการก่อเหตุ เพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจจุดสกัด  ด่านตรวจบุคคลและยานพาหนะ เพื่อตรวจค้นอาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด และ สิ่งของผิดกฎหมาย , ขอความร่วมมือสถานบริการและสถานบันเทิงต่าง ๆ ให้ปฏิบัติตามคำสั่ง คสช. การเปิด – ปิดให้ตรงเวลา การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การปล่อยปะละเลยให้เด็กต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ รวมไปถึงการลักลอบค้าบริการทางเพศและการลักลอบเล่นการพนัน พร้อมทั้งกวดขันจับกุมการเล่นดอกไม้เพลิง พลุประทัด และการปล่อยโคมลอย , จัดทำโครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ ระหว่าง 24 ธ.ค. 2561 – 2 ม.ค. 2562 ระยะเวลา 10 วัน , ให้ บช.ปส.จัดกำลังสนับสนุนการปฏิบัติของตำรวจท้องที่ สุ่มตรวจมิให้มีการใช้ยาเสพติดชนิดต่างๆ ในสถานบันเทิง ,  สตม. ตรวจคัดกรองการเข้ามาในและออกไปนอกราชอาณาจักรโดยละเอียด โดยเฉพาะ กลุ่มบุคคลที่ต้องเฝ้าระวัง บุคคลต้องห้าม บุคคลที่มีหมายจับ และ การร่วมมือกับภาคประชาชนในการป้องกันเหตุโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ 191 เป็นช่องทางหลักในการรับแจ้งเหตุ รวมทั้งข้อมูลการจราจรการนำผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือเหตุอื่นๆ เข้ารับการรักษาพยาบาล และ ใช้แอพพลิเคชั่น Police I Lert Uเป็นช่องทางสื่อสารสองทางกับประชาชนอีกทางหนึ่ง


มาตรการป้องกันเหตุการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่ โดยเพิ่มความเข้มในการตรวจรักษาความปลอดภัยสถานที่ที่มีการจัดงานเคาท์ดาวน์ สถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม และสถานที่สำคัญต่างๆ จัดชุดปฏิบัติการทางยุทธวิธี โดยเฉพาะชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดปฏิบัติการพิเศษ ชุดเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด ชุดตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุ ชุดตรวจบันทึกภาพ สนับสนุนการปฏิบัติได้โดยเร็วที่สุดเมื่อเกิดเหตุ , ให้ สันติบาล สนับสนุนด้านการข่าวด้านต่างๆ , สตม. กำชับเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกแห่ง เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบเอกสารการเดินทางด้วยความละเอียดรอบคอบ

มาตรการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในการบริหารจัดระเบียบการจราจร เส้นทางหลัก เส้นทางรอง จุดบริการประชาชน บริเวณที่จัดงานเคาท์ดาวน์ , เร่งการระบายรถ อำนวยความสะดวกด้านการจราจรการเดินทางของประชาชนในการกลับภูมิลำเนาและกลับ กทม. , เตรียมความพร้อมของรถยก รถกู้ภัย เพื่อช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุและเปิดเส้นทางการจราจรโดยเร็ว , จัดให้มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์กับผู้ขับขี่รถ กวดขันจับกุมตามมาตรการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก ขับรถเร็ว , ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร , ย้อนศร , ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ,ไม่มีใบขับขี่ , แซงในที่คับขัน , เมาแล้วขับ , ไม่สวมหมวกนิรภัย , มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย , ใช้มือถือขณะขับขี่รถ และ การออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร ทั่วราชอาณาจักรว่าด้วยการกำหนดช่องแนวทางเดินรถขึ้นและล่องในถนนบางสายและห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเดินในถนนบางสาย , ตรวจสอบรถบัส รถตู้โดยสารสาธารณะ จะต้องได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก มีป้าย มีการเสียภาษี มีเส้นทางการวิ่งที่ชัดเจน วิ่งในความเร็วที่กำหนด โดยพนักงานขับรถต้องได้รับอนุญาต มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ มีจำนวนพนักงานที่เพียงพอ พักผ่อนเพียงพอ ไม่ขับรถขณะเหนื่อยล้า

รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีความเป็นห่วงเป็นในพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ปีใหม่ 2562 จึงได้กำชับให้กองบัญชาการทุกภาคส่วน เพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และอำนวยความสะดวกการจราจรแก่พี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้พักผ่อนในช่วงวันหยุดยาวได้อย่างมีความสุขและเดินทางด้วยความปลอดภัย  


 ทั้งนี้ จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยว ให้ร่วมมือในการป้องกันอาชญากรรม หรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2562  โดยห้ามเล่นดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด และโคมลอยในลักษณะที่จะสร้างความหวาดกลัวและก่อความเดือดร้อนรำคาญ หรือเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น , การยิงปืนขึ้นฟ้าโดยไม่มีเหตุอันควร , การแต่งกายไม่ควรประดับของมีค่าหรือนำทรัพย์สินสินติดตัวไปจำนวนมากเพื่อป้องกันมิให้มิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสก่อเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ , ผู้ปกครองควรกำชับบุตรหลานให้ระมัดระวังเพื่อมิให้ถูกลอกหลวงไปในทางมิชอบ หรือประพฤติตนไม่สมควร  รวมถึงไม่ควรปล่อยให้เด็กไปเที่ยวงานโดยลำพัง รวมไปถึง ผู้ปกครองที่จะนำบุตรหลานออกมาเที่ยวในช่วงวันหยุดให้เขียนชื่อที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ไว้ในกระเป๋า เพื่อสะดวกในการติดตามกรณีเกิดการพลัดหลง และ ขอความร่วมมือให้ปฏิบัติกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ เมาไม่ขับ ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่รถ การสวมหมวกนิรภัย การคาดเข็มขัดนิรภัยและไม่ขับรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) […]

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]