BIG STORY : เปิดสิทธิประโยชน์ในร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่

กทม. 14 ธ.ค. – ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ลูกจ้างจำนวนหลายล้านคน รายละเอียดของสิทธิประโยชน์จะเป็นอย่างไร และกฎหมายฉบับนี้จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อใด ติดตามจากรายงาน


ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบวาระ 3 ร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ หลังจากที่รัฐบาลเสนอขอแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับเดิมปี 2541 ที่บังคับใช้มาเป็นเวลานาน ทำให้กฎหมายบางข้อไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ และไม่เอื้อประโยชน์ต่อการคุ้มครองลูกจ้าง ถือเป็นการช่วยยกระดับการคุ้มครองลูกจ้างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นไปตามมาตรฐานสากล และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ


ข้อดีของกฎหมายฉบับใหม่มีหลายกรณี เป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์มากกว่าทุกฉบับที่ผ่านมา อาทิ ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อกิจธุระจำเป็นได้ไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน โดยที่ได้รับค่าจ้าง ซึ่งตามกฎหมายฉบับเดิมไม่ได้ กรณีที่นายจ้างเปลี่ยนตัวนายจ้างหรือนิติบุคคล ถ้าลูกจ้างไม่ยินยอมก็สามารถบอกเลิกสัญญาจ้างได้ โดยที่นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษให้กับลูกจ้าง 

ในส่วนของลูกจ้างหญิงตั้งครรภ์ สามารถลาคลอดได้ทั้งก่อนและหลังคลอด รวม 98 วัน จากเดิมที่ลาคลอดได้เพียงอย่างเดียว 90 วัน ส่วนอัตราค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์จากเดิมอยู่ที่ 5 อัตรา เป็น 6 อัตรา โดยส่วนที่เพิ่มมานั้น ให้ลูกจ้างที่ทำงานตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปได้ค่าชดเชยอัตราใหม่เป็น 400 วัน จากเดิม 300 วัน 


นอกจากนี้ ให้ลูกจ้างชายหญิงที่มีงานเท่าเทียมกัน ต้องได้รับค่าตอบแทนเท่ากัน ซึ่งสอดคล้องกับอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศ

ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย ระบุว่า ได้รับเสียงชื่นชมจากหน่วยงานภาคแรงงานต่างๆ ว่าคณะกรรมาธิการฯ สามารถขับเคลื่อนให้กฎหมายฉบับนี้ผ่าน สนช.ได้ ทำให้ลูกจ้างกว่า 10 ล้านคน ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น แม้ที่ผ่านมามีความวิตกกังวลอยู่บ้างว่ากฎหมายนี้อาจถูกชะลอออกไปก่อน ต้องขอบคุณรัฐบาลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

สำหรับร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 30 วัน คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงก่อนการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และหวังว่าจะทำให้ลูกจ้างซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีความมั่นคงในการทำงานและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว

กะเหรี่ยงโจมตีฐานทหาร

ชาวเมียนมาหนีตายข้ามมาฝั่งไทย หลังทหารกะเหรี่ยงโจมตีฐานทหารเมียนมา

สถานการณ์แนวชายแดนไทย-เมียนมา กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังทหารกะเหรี่ยงจำนวนมากบุกโจมตีฐานทหารเมียนมา ฝั่งตรงข้าม อ.แม่ระมาด จ.ตาก ล่าสุดยังปะทะกันอย่างดุเดือด ทำให้ชาวเมียนมา 233 คน ต้องอพยพหนีตายข้ามแม่น้ำเมยมาฝั่งไทย