กรุงเทพฯ 11 ธ.ค. – ซีไอเอ็มบีไทยคาดเศรษฐกิจไทยปีหน้าโตแผ่วลงที่ร้อยละ 3.7 จับตาความเสี่ยงการเมืองรัฐบาลเสียงข้างน้อย
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้บริหารสำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2562 จะขยายตัวชะลอลงอยู่ที่ร้อยละ 3.7 จากปีนี้โตร้อยละ 4 เศรษฐกิจปีหน้าไม่มีพระเอก เพราะไม่มีเครื่องยนต์ตัวใดที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเด่นชัด โดยจะต้องจับตาทิศทางทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้งที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลและการคัดเลือกนายกรัฐมนตรี หลังรู้ผลการเลือกตั้งที่อาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือนและอาจเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุน เพื่อรอความชัดเจน เพราะนายกรัฐมนตรีอาจจะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากที่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ได้ถึง 250 คนได้ ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่อาจจะเผชิญความเสี่ยงในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณและการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมทั้งยังมีความเสี่ยงของการที่รัฐบาลชุดใหม่จะสานต่อนโยบายเดิมของรัฐบาล พล.อ ประยุทธ์ จันทรโอชา ต่อไปหรือไม่ โดยเฉพาะการปฏิรูปเศรษฐกิจ การปฏิรูปการคลัง อุตสาหกรรม
ส่วนการที่รัฐบาลเร่งโอนเงิน 500 บาท สู่ผู้มีรายได้น้อย มองว่าเป็นเพียงแค่มาตรการช่วยประคับประคองสถานการณ์เท่านั้น ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะวงเงินต่อคนไม่มาก ดังนั้น จึงยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ยั่งยืน กลุ่มคนระดับกลาง-ล่างกำลังซื้อติดลบ
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตาม คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังคงยืดเยื้อ หากภายในปี 2568 หรืออีกไม่เกิน 7 ปี ยังไม่ยุติจะส่งผลให้เศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่กว่าสหรัฐ ซึ่งเชื่อว่าสหรัฐจะมีการตอบโต้ เพื่อกดดันไม่ให้จีนเติบโตเร็ว และจะมีมาตรการจำกัดการส่งออกจีนต่อไป ซึ่งมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยขยายตัวน้อยลงเหลือเพียงแค่ร้อยละ 3 – 4 ในปีหน้า จากผลของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลง
ส่วนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของสหราชอาณาจักร หรือ Brexit ที่ยังไม่ยุตินั้น เชื่อว่าสุดท้ายต้องหาข้อยุติได้ เพราะสหราชอาณาจักรและอียูยังต้องมีการพึ่งพากันและคาดการณ์ว่าสถานการณ์ไม่น่าจะรุนแรงและส่งผลกระทบต่อไทยมากนัก เนื่องจากมูลค่าการส่งออกของไทยไปอังกฤษไม่สูงมาก แต่สิ่งที่ยังต้องจับตา คือ ภาระหนี้ของประเทศอิตาลีที่อยู่ในระดับสูง ทำให้อียูตีกลับแผนงบประมาณของอิตาลี ซึ่งมีความกังวลว่าอาจจะซ้ำรอยวิกฤติหนี้ประเทศกรีซและถ้าหากเกิดขึ้นจริงจะรุนแรงมากกว่า เพราะเศรษฐกิจของอิตาลีมีขนาดใหญ่กว่า
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย คาดว่าทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในปีหน้า คือ ประมาณช่วงมีนาคม และในช่วงไตรมาส 3 ขณะที่ค่าเงินบาทคาดว่าปีหน้าจะเเข็งค่าขึ้นอยู่ที่ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากปลายปีนี้อยู่ที่ 32.50 บาทต่อเหรียญสรัฐ เนื่องจากไทยยังคงเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูง ประกอบการตลาดจะมีทิศทางดีขึ้นจากเงินทุนไหลเข้า เพราะทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐมีความชัดเจนขึ้น .-สำนักข่าวไทย