กทม.6 ธ.ค.-“ไอ้คล้าว 2018”ร้อง ผบช.น.ถูกดำเนินคดีโดยมิชอบ ขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวน ย้ำไม่มีเจตนาเรี่ยไร อ้างเข้าใจคลาดเคลื่อน
นายสุรัตน์ แผ้วเกตุ หรือ”ไอ้คล้าว 2018”พร้อมทนายความเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงพลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กรณีถูกพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ดำเนินคดีฐานต้มตุ๋นรับเงินบริจาคเพื่อซื้อ “เจ้าทองคำ”ควายชื่อดังเจ้าของรอยยิ้มบนโลกโซเชียล จนมีการอายัดและยึดเจ้าทองคำไว้เป็นของกลางเมื่อ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความนายสุรัตน์ ระบุว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน แจ้ง 4 ข้อหา ซึ่งตนมองว่าเป็นการแจ้งข้อหาโดยมิชอบ เริ่มจากข้อหาแรก ความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร มาตรา 8 ซึ่งความผิดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเรี่ยไรเงินในที่สาธารณะหรือผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง หรือเครื่องเปล่งเสียง แต่เป็นการโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก จึงไม่เข้าข้อกฎหมายดังกล่าว, ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นั้นนายสุรัตน์ ไม่ได้เป็นผู้โพสต์คลิป”ไถ่ชีวิตเจ้าทองคำ” ดังนั้นต้องไปดำเนินคดีกับผู้โพสต์คลิปไม่ใช่นายสุรัตน์ ส่วนข้อหาฉ้อโกงประชาชน นายสุรัตน์ขาดเจตนา และเมื่อไม่เข้าข่ายความผิด 3 ข้อข้างต้น จึงไม่เป็นความผิดมูลฐานฟอกเงินเช่นเดียวกัน
ทนายความยังระบุอีกว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนใช้เวลาแสวงหาข้อเท็จจริงเพียง 3 วัน โดยไม่รับฟังข้อมูลจากนายสุรัตน์ และไม่น่าเชื่อว่าจะมีพยานหลักฐานที่แสดงว่านายสุรัตน์กระทำผิดจริง ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงขอให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พิจารณาถอนข้อหาทั้ง 4 ข้อหา และเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน พร้อมตั้งคณะกรรมการ สอบสวนวินัยพนักงานสอบสวนชุดดังกล่าวด้วย
ด้านนายสุรัตน์ ยอมรับว่า หลังมีคดีความใช้ชีวิตลำบาก จึงอยากให้คดีนี้จบเร็วที่สุด เพื่อที่ตนจะได้กลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวเจ้าทองคำตามเดิม ส่วนเรื่องคลิปเสียงเรี่ยไรที่ทนายความชื่อดังบอกว่ามีหลักฐานนั้น ตนเองไม่ทราบเรื่องคลิปเสียง แต่ยืนยันว่าตนมีเจตนาที่จะสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ที่ติดตามและช่วยบริจาคเงินให้ซื้อเจ้าทองคำ ส่วนเคยพูดเรี่ยไร่เงินหรือไม่ ตนไม่ได้พูดในลักษณะนั้น แต่อาจมาจากความคลาดเคลื่อน ที่ถูกสื่อมวลชนถามคำถามซ้ำไปซ้ำมา จึงเกิดความสับสนในการตอบคำถาม
เบื้องต้นพันตำรวจเอกวิศิษฐ์ หมื่นสุวรรณ์ ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ 7 เป็นตัวแทนรับหนังสือ เพื่อนำเสนอต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาลต่อไป.-สำนักข่าวไทย