fbpx

แนะวิธีปฎิบัติ ห่างไกลจากโรคหลอดเลือดหัวใจ

สธ.4 ธ.ค.-แพทย์เผยโรคหัวใจเป็นปัญหาสำคัญของประเทศและมีอัตราเสียชีวิตอยู่ในอับดับ 1ใน 3 มาตลอด หากมีอาการบ่งชี้จุกแน่นหน้าอกตลอดเวลา เจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับนานกว่า 3-5 นาที พักแล้วไม่ทุเลา อาจมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจให้รีบพบแพทย์ทันที 


นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคหัวใจเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย โดยมีอัตราตายอยู่ในอับดับ 1 ใน 3 ของประเทศมาตลอด โดยเฉพาะกลุ่มช่วงอายุตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป ที่มักมีปัญหาของโรคหลอดเลือดหัวใจ ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาทประชาชนควรดูแลหัวใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะหัวใจเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายที่อยู่ภายในทรวงอกตรงกลางค่อนไปทางซ้าย มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อพิเศษ มีขนาดเท่ากำปั้นของเจ้าของ ทำหน้าที่เป็นปั๊มคอยรับเลือดดำจากทั่วร่างกายไปฟอกที่ปอด และกลับมาสูบฉีดเพื่อนำสารอาหารและอากาศไปเลี้ยงทั่วร่างกาย หากมีอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อยง่ายมากกว่าปกติ จุกแน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ ปวดร้าวไปที่หัวไหล่ซ้ายหรือไปที่กรามเจ็บนานเกินกว่า3–5 นาที พักแล้วไม่ทุเลาหรือมีอาการเจ็บรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว


พญ.วิพรรณ  สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่าอาการบ่งชี้ข้างต้นเป็นสัญญาณที่เป็นภัยซ่อนเร้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ จึงแนะนำให้รีบมาพบแพทย์โดยเร็ว ซึ่งโรคหลอดเลือดหัวใจสามารถรักษาด้วยการให้ยาละลายลิ่มเลือดในรายที่เป็นไม่มากหรือภายหลังการรักษาด้วยวิธีเปิดหลอดเลือดหัวใจ และการรักษาด้วยวิธีเปิดรูหลอดเลือดหัวใจที่ตีบในรายที่มีการตีบของหลอดเลือดหัวใจมากกว่าร้อยละ 50 หรือมีอาการมาก เช่น จุกแน่นหน้าอกตลอดเวลา ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีโอกาสเสียชีวิตสูง แพทย์จะทำการสวนหัวใจและฉีดสีดูเส้นเลือดหัวใจว่าตีบที่จุดใดและทำการเปิดรูที่ตีบโดยการถ่างขยายด้วยลูกบอลลูนและใช้ขดลวดค้ำยัน หรืออาจใช้วิธีการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจบายพาส  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและการวินิจฉัยของอายุรแพทย์หัวใจ สำหรับการปฏิบัติให้ห่างไกลจากโรคหลอดเลือดหัวใจและป้องกันการเป็นซ้ำอีกหลังการรักษา ควรปฏิวัติตนเอง


ดังนี้ 1. เปลี่ยนแปลงนิสัยการกิน งดอาหารหวาน มัน เค็ม ควรเลือกบริโภคอาหารจำพวกผัก ผลไม้ และเส้นใยต่างๆ 2.งดสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด 3.ควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติ 4. ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน 5.พบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ 6. ควรบอกญาติมิตร ครอบครัว ที่ทำงานให้ทราบว่าท่านเป็นโรคอะไรและวิธีรักษาในภาวะฉุกเฉิน 7.ควรพกยาอมใต้ลิ้นหรือสเปรย์ขยายหลอดเลือดหัวใจในภาวะฉุกเฉินติดตัวตลอดเวลา จากแนวทางการปฏิวัติและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง  ทั้ง 6 ข้อจะช่วยทำให้มีชีวิตที่ปกติและสามารถอยู่กับโรคหลอดเลือดหัวใจที่เป็นอยู่ได้อย่างแข็งแรง  .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Made in Thailand แดนไทยเท่ : เสน่ห์ผ้าทอชาวเขา สู่แบรนด์แฟชั่นชั้นนำของเชียงใหม่

ผ้าทอชาวเขาและเครื่องแต่งกายชนเผ่าต่างๆ ของไทยที่มีลวดลายสวยงามแปลกตาไม่เหมือนใคร ทำให้ดีไซเนอร์ชาวเชียงใหม่ นำมาออกแบบตัดเย็บ กลายเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นที่ทันสมัย

ศาลปกครองอุบลราชธานี ไม่รับฟ้องกรณีนักศึกษาไม่ได้รับเงิน

กรุงเทพฯ 3 พ.ค.-ศาลปกครองอุบลราชธานี ไม่รับฟ้อง กรณีนักศึกษา ไม่ได้รับเงิน ยืนยันโอนเงินให้เแล้ว 

พายุฤดูร้อนถล่ม 31 จังหวัด ฝนฟ้าคะนอง-ลมแรง

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 5 ฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง วันนี้ (3 พ.ค.) ได้รับผลกระทบ 31 จังหวัด ในภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ควง รมต.ป้ายแดง ลงพื้นที่มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด

นายกฯ นำคณะลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.มหาสารคาม – จ.ร้อยเอ็ด ติดตามปัญหายาเสพติด หนี้นอกระบบ และพบปะประชาชน 5 – 6 พฤษภาคม นี้

ทั่วไทยยังร้อนถึงร้อนจัด ตอนบนระวังพายุฝนฟ้าคะนอง

สภาพอากาศวันนี้ ทั่วไทยยังร้อนถึงร้อนจัด แนะเลี่ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน เตือนไทยตอนบน เฝ้าระวังพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก

รัฐบาลจัดงานสโมสรสันนิบาต เฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในวันฉัตรมงคล

รัฐบาลจัดงานสโมสรสันนิบาต เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2567

ผู้บริหาร-พนักงาน กฟน. ร่วมพิธีรดน้ำศพ “นายกำธร” ยืนยันไม่ทอดทิ้ง

ผู้บริหารและพนักงาน กฟน. ร่วมพิธีรดน้ำศพ “นายกำธร” เสียชีวิตจากการเดินข้ามถนนตกท่อร้อยสายไฟฟ้า บริเวณเกาะกลางถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 49 พร้อมมอบเงินสด 50,000 บาท น้องชายผู้เสียชีวิต ผู้ว่าการ กฟน. เผยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ยืนยัน กฟน. ไม่ทอดทิ้ง