กรุงเทพ ฯ 3 ธ.ค. – สภาธุรกิจตลาดทุนไทยชี้หุ้นทั่วโลกขานรับสหรัฐ – จีน ยืดเวลาการเก็บภาษีออกไป 90 วัน เตือนปีหน้าผันผวนต่อเนื่อง จับตาการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ด้าน บล.ธนชาตคาดกรอบการเคลื่อนไหวปีหน้าอยู่ที่ 1,520-1,850 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยปัจจัยหนุนมาจากสถานการณ์ต่างประเทศที่คลี่คลายดีขึ้น โดยเฉพาะการที่สหรัฐ – จีน ที่มีข้อตกลงยืดเวลาการเก็บภาษีออกไป 90 วัน ผ่อนคลายปัจจัยที่กดดันการลงทุนระดับหนึ่ง แต่ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไป ส่วนปัจจัยในประเทศต้องติดตามการเมืองหลังการเลือกตั้งที่นักลงทุนต่างชาติกังวลว่าอาจจะเกิดปัญหาการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหากไม่ชัดเจนนักลงทุนต่างชาติยังไม่เข้ามาลงทุนในไทยอย่างเต็มที่ แม้ว่าขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณเงินทุนไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นเกิดใหม่ เช่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ที่จะประชุมในวันเดียวกัน คือ วันที่ 19 ธันวาคมนี้ ซึ่งจากผลการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์การลงทุนร้อยละ 74 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่การสำรวจ เชื่อว่า กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน นอกจากนี้ ยังต้องติดตามแถลงการณ์ของเฟดและ กนง.ถึงทิศทางดอกเบี้ยปี 2562
ด้านนายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปลายปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 1,720 จุด โดยได้รับปัจจัยบวกจากที่สหรัฐ – จีน ที่มีข้อตกลงยืดเวลาการเก็บภาษีออกไป 90 วัน ที่เป็นไปในทางบวก ทำให้บรรยากาศการลงทุนหุ้นทั่วโลกดีขึ้น ประกอบกับคาดว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐใกล้ระดับสูงสุด (พีค) แล้ว ส่วนดอกเบี้ยไทยแม้จะปรับขึ้นแต่ไม่แรง ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวดีปี 2562 คาดว่าขยายตัวร้อยละ 4 โดยได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 300,000 ล้านบาท ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศดีขึ้น ระยะสั้นได้แรงหนุนจากการเลือกตั้ง ระยะกลางจะถูกหนุนจากการลงทุนในอีอีซี และเมกะโปรเจ็ก
อย่างไรก็ตาม ปีหน้าตลาดหุ้นไทยยังผันผวนจากสภาพคล่องส่วนเกินในตลาดการเงินโลกที่ลดลง ข่าวสารการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนที่ยังไม่แน่นอน โดยกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,520-1,850 จุด แนะนำลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลดีจากเศรษฐกิจที่ขยายตัว คือ กลุ่มค้าปลีก ธนาคารพาณิชย์ นิคมอุตสาหกรรม รับเหมาก่อสร้าง
“มีโอกาสเป็นไปได้ยากที่ดัชนีหุ้นไทยปี 2562 จะถึง 1,900 จุด เพราะหุ้นไทยยังมีความผันผวนสูง ตลาดเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยที่เข้ามากระทบ ซึ่งมีทั้งบวกและลบ หากปัจจัยลบกระทบแรงดัชนีมีโอกาสปรับลงมาถึง 1,520 จุด แต่หากมีปัจจัยบวกมากหุ้นไทยก็มีโอกาสถึง 1,850 จุด” นายพิชัย กล่าว
ด้านดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กุมภาพันธ์ 2562) อยู่ที่ 97.89 ปรับตัวลดลงร้อยละ 13.93 จากระดับ 113.73 ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว โดยกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศมีความเชื่อมั่นลดลงจากระดับร้อนแรงมาอยู่ในระดับทรงตัว โดยกลุ่มที่น่าลงทุน คือ หมวดธนาคาร รับเหมาก่อสร้าง ท่องเที่ยว ส่วนกลุ่มที่ไม่น่าลงทุน คือ สื่อและสิ่งพิมพ์กระดาษและวัสดุการพิมพ์ และหมวดยานยนต์
ทั้งนี้ ผลการสำรวจเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเจรจานอกรอบระหว่างสหรัฐ-จีน และก่อนที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดแถลงสุนทรพจน์ว่าความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยเฟดลดลง
ด้านนางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า สิ้นปีนี้คาดว่านักลงทุนต่างชาติจะถือครองพันธบัตรไทยมากที่สุดเป็นประวัติการณ์สูงถึง 1 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันต่างชาติซื้อสุทธิอยู่ที่ 985,735 ล้านบาท ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจากต้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 912,000 ล้านบาท เนื่องจากเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง และกว่าร้อยละ 80 เป็นการลงทุนในพันธบัตรอายุมากกว่า 1 ปี.-สำนักข่าวไทย