BIG STORY : เปิดมุมมอง 4 พรรคใหญ่จัดทัพสู้ศึกเลือกตั้ง

กรุงเทพฯ 27 พ.ย.- เริ่มมีความชัดเจนเกี่ยวกับการวางตัวผู้สมัครลงสู้ศึกเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 มีมุมมองจากนักวิชาการที่วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของแต่ละพรรค ติดตามจากรายงาน


ครบกำหนดเส้นตายสังกัดพรรคการเมืองในเที่ยงคืนของวันที่ 26 พ.ย. ทุกพรรคแต่งองค์ทรงเครื่องเสริมกำลังเตรียมพร้อมรับการเลือกตั้ง 24 ก.พ.62 เต็มที่ เสริมจุดอ่อนจุดเเข็ง ดึงนักการเมืองทั้งบิ๊กเนมและอดีต ส.ส.ในพื้นที่หวังเรียกคะแนนเสียง


หากประเมินรายพรรคเริ่มจากแชมป์เก่าพบว่า เพื่อไทย จุดแข็งยังคงอยู่ที่นโยบายที่ชัดเจน มีความเป็นตัวตนถูกใจประชาชน ที่ไล่เรียงมาจากสมัยพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชน สามารถครองใจรากหญ้าจนถึงชนชั้นกลางได้ แต่จุดอ่อนมีภาพเรื่องการทุจริต เชิงนโยบายถูกมองจะสร้างปัญหาในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องที่คาใจคือการนิรโทษกรรม


ส่วนพันธมิตรอย่างพรรรคไทยรักษาชาติ แม้จะถูกมองเป็นสาขา 2 แต่มีความโดดเด่นชูภาพคนรุ่นใหม่ที่มากประสบการณ์ เป็นการนำเสนอพลังขับเคลื่อนจากคนอีกยุค เป็นทางเลือกของคนที่อยากจะเปลี่ยนจากพรรคเพื่อไทย แต่ข้อเสียคือหากคนที่ไม่ชอบแนวคิดเรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะไม่สนใจ ถูกมองเป็นพรรคตัวแทน ที่ไม่สามารถสลัดภาพของนายทักษิณ ชินวัตรได้

อีกฟากฝั่งพรรคการเมืองเก่าประชาธิปัตย์ สิ่งที่ได้เปรียบคือมีหัวหน้าพรรคคนเดิม มีหลักการ มีความเป็นสถาบันที่เหนียวแน่น และมีการไหลเวียนออกของสมากชิกไม่มาก ขณะที่ข้อด้อยเป็นภาพในอดีตเมื่อครั้งที่เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ กลับไม่สามารถทำงานให้สำเร็จโดนใจประชาชน เดินหน้าทำงานได้ไม่เต็มที่ ถูกปรามาสว่าดีแต่พูด

สำหรับน้องใหม่มาแรงพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกมองเป็นพรรคของ คสช.เพราะมี 4 รัฐมนตรีเป็นแกนนำ ถือว่าได้เปรียบที่สุดทั้งจากชื่อพรรคที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติ เอื้อต่อการหาเสียง และยังมีขุมกำลังของ ส.ว. 250 เสียง ในมือหากจัดตั้งรัฐบาล มีอดีต ส.ส.ฐานเสียงที่เข้มแข็งในพื้นที่ดึงคะแนน แต่สิ่งที่ถูกโจมตีจะเป็นเรื่องการสืบทอดอำนาจและถูกมองถึงความไม่จริงใจในการบริหารปฏิรูปประเทศ

นักวิชาการด้านกฎหมายมองว่า แม้พรรคพลังประชารัฐจะได้เปรียบมากกว่าทุกพรรค จากปัจจัยต่างๆ และแม้จะถูกตั้งข้อสังเกตใช้ยุทธศาสตร์เดียวกับพรรคไทยรักไทยในอดีต แต่การจะประสบความสำเร็จแบบเดิมไม่ใช่เรื่องง่าย

ส่วนพรรคที่คาดว่าจะได้คะแนนเสียงมากที่สุด นักวิชาการยังเชื่อว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย แต่พรรคที่จะเป็นตัวแปรสำคัญคือพรรคประชาธิปัตย์ เหตุจากไม่มีพรรคที่ได้คะแนนเสียงข้างมากในสภา

นับจากนี้ถึงเที่ยงคืนวันที่ 25 ก.พ. ทุกอย่างยังไม่มีสิ่งใดที่แน่นอน อยู่ที่กลยุทธ์ของแต่ละพรรคที่จะปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ชิงความได้เปรียบทางการเมืองตลอดเวลาก่อนการหย่อนบัตรลงคะแนนเสียงจะเกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง