ขนส่งฯพร้อมคุยรถร่วม ขสมก.ที่ขอปรับค่าโดยสารแรง 3 บาทพรุ่งนี้

กรุงเทพฯ 18
พ.ย.-อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พร้อมเจรจาดูข้อมูลผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ขสมก.ที่
จะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการคมนาคม เพื่อขอปรับค่าโดยสารพรุ่งนี้
ขณะที่ข้อมูลศึกษาของทีดีอาร์ไอ ระบุผู้ประกอบการขาดทุนอย่าอ้างเก็บค่าโดยสารถูกอย่างเดียว


นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก  (ขบ.)
กล่าวถึงกรณี ที่ผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก.
2 สมาคม จะเข้ายื่นหนังสือถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม
เพื่อเรียกร้องขอปรับค่าโดยสาร รถร้อนจาก 9 บาทเป็น 12 บาท และรถปรับอากาศระยะละ 2
บาท อ้างว่าขาดทุนหนักขณะนี้ โดยอธิบดี กรมการขนส่งทางบก
ยืนยันว่าได้เตรียมข้อมูลไว้คุยกับผู้ประกอบการแล้ว แต่รายละเอียด
ต้องรอให้เจรจาแล้วเสร็จ และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคมจะให้นโยบายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

ส่วนประเด็นที่รอบนี้ผู้ประกอบการ ขอปรับค่าโดยสารแรงถึง 3 บาทนั้น
เป็นราคาที่สูงไปหรือไม่นั้น อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าว การที่ภาครัฐจะอนุมัติปรับราคาหรือไม่
ต้องพิจารณาปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบหลายๆ ด้าน


ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเด็นที่ขอปรับค่าโดยสาร
ของรถร่วงมบริการ ขสมก 
ที่ผู้ประกอบการอ้างผลศึกษา ของ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
 ที่ทำการศึกษาต้นทุนของการเดินรถโดยสาร
และได้มีการรายงานให้กรมการขนส่งทางบกพิจารณาแล้ว

โดยรายละเอียดผลศึกษาดังกล่าว ระบุว่า
การที่ผู้ประกอบการรถร่วมบริการของ ขสมก. ประสบปัญหาขาดทุนนั้น
ไม่ได้มาจากปัจจัยที่ต้องเก็บค่าโดยสารต่ำกว่าต้นทุนอย่างเดียว
ตามที่ผู้ประกอบการกล่าวอ้าง  การขาดทุนยังมาจากหลายปัจจัย เช่น
ปัจจุบันรถโดยสาร ทั้งของขสมก.และรถร่วมบริการมีการวิ่งในเส้นทาง ที่ทับซ้อนกันมาก
ทำให้สูญเสียโอกาสทางรายได้ รวมทั้งมีการแข่งวิ่งเที่ยวกันเอง
เพราะบางเส้นทางมีผู้ประกอบการหลายราย  รวมถึงปัญหาที่บางสายรถ
มีสภาพรถเก่าผู้โดยสารไม่อยากใช้บริการ
เป็นที่มาที่ภาครัฐต้องมีการปฎิรูปเส้นทางเดินรถใหม่ทั้งระบบ  รวมถึงต้องปรับปรุงบริการที่ดีขึ้นด้วย ดังนั้น
ผลศึกษาของทีดีอาร์จึงมีความชัดเจนว่า การพัฒนาระบบรถโดยสาร ต้องทำไปด้วยกันทั้ง 2
ด้าน ทั้งในแง่ของต้นทุน และในแง่การพัฒนาบริการ จึงจะเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โดยเฉพาะผู้ใช้บริการ


ขณะที่ต้นทุนที่แท้จริงที่ผู้ปรกอบการรถร่วมบริการเก็บค่าโดยสารขณะนี้
คือรถร้อน คนละ 9 บาท และรถปรับอากาศตามระยะ เริ่มต้นที่ 13 บาท
หากจะปรับค่าโดยสารได้  ผลศึกษาทีดีอาร์ไอ
ระบุว่า ในส่วนของทั้งรถร้อน และรถเย็นนั้น สามารถปรับได้ เพิ่มขึ้น 1-2 บาท
เท่านั้น คือรถร้อนเป็น 10 บาท และรถปรับอากาศที่ 14 บาท .-สำนักข่าวไทย

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่