สนช.พิจารณาถอดถอน พล.อ.อ.สุกำพล


รัฐสภา 9 ก.ย.- สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซักถามคู่กรณีในกระบวนการถอดถอน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ออกจากตำแหน่ง ขณะที่ กรรมการ ป.ป.ช. ยืนยัน พล.อ.อ.สุกำพล แทรกแซงการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหมจริง และวิธีการเสนอชื่อไม่เป็นไปตามกฎหมาย ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล ย้ำ มีอำนาจเสนอชื่อ และไม่ได้แทรกแซงการแต่งตั้ง

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.เป็นประธานการประชุม พิจารณาวาระเพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่ง กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นการซักถามเพิ่มเติมคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย


12359870

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการซักถาม กล่าวว่า ได้พิจารณาประเด็นซักถามของสมาชิก 3 คน รวม 18 คำถาม ถามป.ป.ช. 11 คำถาม และซักถามพล.อ.อ.กำพล 8 คำถาม และได้สรุปรวมคำถามที่คล้ายคลึงกันและซักถามป.ป.ช.และพล.อ.อ.สุกำพล ฝ่ายละ 7 คำถาม

พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ สนช. ในฐานะกรรมาธิการซักถามป.ป.ช.ว่า พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ในมาตรา 25 มีขั้นตอนการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล เพื่อป้องกันการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองอย่างไรบ้าง และเหตุใดจึงมีมติว่าพล.อ.อ.สุกำพลแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย


น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. ชี้แจงว่า ขั้นตอนแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล แต่ละหน่วยจะต้องมีการคัดสรรคนของตัวเองในระดับกรมขึ้นมา และจะต้องลงนามรับรองบุคคลที่ผ่านการคัดสรรของส่วนราชการระดับกรม ได้แก่สำนักปลัดกระทรวง กองบัญชาการทหารบก กองบัญชาการทหารเรือ กองบัญชาการทหารอากาศ จากนั้นจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกลาโหม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน มีผู้แทนจากเหล่าทัพ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้มีเจ้ากรมเสมียนตราเป็นผู้ช่วย

น.ส.สุภา กล่าวว่า ได้วางกลไกชัดเจนว่า ในการแต่งตั้งข้าราชการระดับกรม จะมีข้าราชการประจำเป็นผู้คัดเลือก แต่ปรากฎว่า ในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล เมื่อวันที่  17 สิงหาคม 2555 นั้น พล.อ.อ.สุกำพลได้เชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพมาประชุม แต่แจ้งว่า เป็นการประชุมนอกรอบ โดยไม่อนุญาตให้เจ้ากรมเสมียนตราเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ต้องเป็นผู้ช่วยเลขานุการโดยตำแหน่ง และในการประชุมวันนั้นได้มีการเสนอ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ทำให้ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ในขณะนั้นคัดค้าน เพราะต้องการเสนอชื่อพล.อ.ชาตรี ทัตติ แม้เจ้ากรมเสมียนตรา จะไม่ได้มีสิทธิลงคะแนน แต่รัฐมนตรีไม่มีสิทธิห้ามบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมายเข้าร่วมประชุม

นายแพทย์เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสนช. ในฐานะกรรมาธิการซักถาม ถามฝั่งผู้ถูกกล่าวหาว่า ได้พาพล.อ.ทนงศักดิ์ เข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งเป็นการกระทำโดยมิชอบหรือไม่ และเหตุใดจึงเสนอชื่อ พล.อ.ทนงศักดิ์ เป็นปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่ และตามข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าใจและยึดถือ การปฏิบัติหน้าที่ว่าต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับหรือไม่

พล.อ.อ.สุกำพล ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ชี้แจงว่า เพราะนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น อยากรู้จัก พล.อ.ทนงศักดิ์ จึงได้พา พล.อ.ทนงศักดิ์ไปพบ และพูดคุยกันเพียง 2-3นาที  ซึ่งตนได้ให้การต่อ ป.ป.ช.แล้วว่า ไม่ได้พูดคุยเพื่อเป็นการสนับสนุนให้ พล.อ.ทนงศักดิ์ เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมกล่าวถึงการเสนอชื่อ พล.อ.ทนงศักดิ์ ว่า ตนสามารถเสนอได้ในฐานะกรรมการ เพราะกรรมการทุกคนสามารถเสนอชื่อได้

“ผมเข้าใจดีว่า การพิจารณารายชื่อทั้งหมด ต้องผ่านการเห็นชอบจากบอร์ดเล็กมาก่อน แต่การพิจารณาดังกล่าว จะนำข้อบังคับข้อเดียวมาใช้ไม่ได้ เพราะขณะนั้นมีสิ่งที่บีบคั้น คือต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จภายใน 15 วัน คือมีเวลาอย่างจำกัด ผมไม่ได้เสนอชื่อ พล.อ.ทนงศักดิ์ เพียงคนเดียว แต่เสนอชื่อสองคน คือชื่อของ พล.อ.ชาตรี ทัตติ นายทหารสังกัดกระทรวงกลาโหม และชื่อของ พล.อ.ทนงศักดิ์ แล้วให้ที่ประชุมเป็นผู้เลือก โดยไม่ได้สั่งการหรือแทรกแซงแต่อย่างใด” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว

จากนั้น นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช.ในฐานะกรรมาธิการซักถามฯ ได้ถามผู้ถูกกล่าวหาอีกว่า ข้อบังคับของกระทรวงกลาโหม ได้กำหนดให้คำนึงถึงความอาวุโส และผลงานการปฏิบัติงาน ซึ่งในการเสนอชื่อ พล.อ.ทนงศักดิ์ ที่พล.อ.อ.สุกำพลได้คำนึงถึงเรื่องนี้หรือไม่ และเหตุใด พล.อ.อ.สุกำพล จึงเห็นว่า การประชุมวันที่ 17 สิงหาคม ที่เสนอชื่อ พล.อ.ทนงศักดิ์นั้นไม่นำรายชื่อนายทหารชั้นนายพลคนอื่นมาพิจารณาด้วย ดังนั้น การประชุมในวันดังกล่าว ถือว่าเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างไร

พล.อ.อ.สุกำพล ชี้แจงว่า สาเหตุที่ตนเสนอชื่อ พล.อ.ทนงศักดิ์ เนื่องจากเป็นรุ่นน้องของตนเพียง 1 ปี แม้ว่า ความอาวุโสเรื่องทหารจะน้อยกว่า พล.อ.ชาตรี แต่ตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม จะ ต้องเป็นมือขวาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดังนั้น หากรุ่นพี่ประสานการทำงานกับรุ่นน้อง ก็จะทำงานได้ราบรื่นกว่า ตามกฎหมายไม่ได้ระบุว่า ในการประชุมวันที่ 17 สิงหาคม ต้องมีรายชื่อของนายทหารชั้นนายพลทุกคน แต่ในการประชุมวันที่ 5 กันยายนซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย ก็ดำเนินการตามกฎหมายครบทุกขั้นตอน

จากนั้น ที่ประชุมได้กำหนดแถลงวันปิดสำนวนคดีด้วยวาจาในวันที่ 15 กันยายน และนัดลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอน พล.อ.อ.สุกำพล ในวันที่ 16 กันยายนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ออกแถลงการณ์กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

30 ก.ค.- กองทัพบกออกแถลงการณ์ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นครั้งที่สอง บ่อนทำลายการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบ ย้ำจะดำเนินการอย่างเหมาะสม เด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน -สำนักข่าวไทย

กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เปิดแนวปะทะพื้นที่ “อานม้า-ภูมะเขือ”

30 ก.ค. – กัมพูชากลับกลอก ละเมิดข้อตกลงอีก เปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ “อานม้า และภูมะเขือ” ขณะที่ ทบ.เผยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็ก สลับระเบิดขว้าง เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยก่อนอีกแล้ว ละเมิดข้อตกลงถึง 2 ครั้ง โดยเปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ที่ อานม้า และภูมะเขือ ทบ.เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กสลับระเบิดขว้าง โดยเมื่อเวลา 20.45 น. แหล่งข่าวฝ่ายมั่นคงรายงานว่า ช่องอานม้า มีเหตุปะทะ กัมพูชาเปิดฉากยิง หวังยึดพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้ ขณะที่ช่วงเวลา 22.19 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบขั้นต้นเกิดเหตุปะทะที่ภูมะเขือ และช่องอานม้า โดยมีปืนเล็กกับระเบิดขว้างเข้ามาที่ฐานฝั่งไทย ประมาณ 30 นาที ขณะที่เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ไม่ต้องนอน ตามคาด! กัมพูชาละเมิดอีกแล้ว อานม้าปะทะภูมะเขือ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-กลาง-ตอ.ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย