สิงคโปร์ 15 พ.ย. – นายกรัฐมนตรีเสียใจกรณีไฟป่าที่แคลิฟอร์เนีย พร้อมย้ำสหรัฐฯ เป็นมหามิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน ยินดีที่สหรัฐฯ สนับสนุนภาคเอกชนให้เข้ามาลงทุนในอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเพิ่มขึ้น
“จิตตานันท์ นิกรยานนท์” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ที่สาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน 2561 รายงานว่า นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 6 ณ ศูนย์ประชุมและนิทรรศการ Suntec สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับผลกระทบในสถานการณ์ไฟป่าที่รุนแรงในรัฐแคลิฟอร์เนีย และขอเป็นกำลังใจให้สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในภารกิจให้ความช่วยเหลือ ตลอดจนสามารถฟื้นตัวจากสถานการณ์โดยเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 41 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ คือ มหามิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านของอาเซียน โดยเสนอให้อาเซียนและสหรัฐฯ กระชับความร่วมมือใน 3 ประเด็น คือ 1.ส่งเสริมการพัฒนาแนวคิดอินโด-แปซิฟิก ที่จะตอบสนองต่อผลประโยชน์ของทั้งสองภูมิภาค โดยไทยหวังว่าแนวคิดอินโด-แปซิฟิกจะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย สนับสนุนความเป็นแกนกลางของอาเซียน และเคารพหลักการ 3 เอ็ม เพื่อนำไปสู่การสร้างดุลยภาพใหม่ทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาค นอกจากนี้ อาเซียนและสหรัฐฯ ควรร่วมมือกันรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ นายกรัฐมนตรีมีความยินดีต่อการรับรองถ้อยแถลงผู้นำอาเซียน-สหรัฐฯ ว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ในวันนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 2. ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจโดยเพิ่มขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้นบนหลักการของการค้าเสรีและเป็นธรรม ซึ่งปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นคู่ค้าลำดับที่สามและคู่ลงทุนอันดับที่สี่ของอาเซียน ด้วยมูลค่าการค้ากว่า 233 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่าการลงทุนกว่า 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยยินดีที่สหรัฐฯ สนับสนุนภาคเอกชนให้เข้ามาลงทุนในอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเพิ่มขึ้น รวมทั้งการจัดตั้งกองทุนมูลค่า 113 ล้าานเหรียญสหรัฐ สำหรับภาคธุรกิจพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้การสร้างความเชื่อมโยงในอาเซียนบรรลุตามแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025 (MPAC2025) ได้ตามเป้าหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า 3. การเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนกับประชาชน โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพเยาวชนในอาเซียน การส่งเสริมบทบาทสตรีและการพัฒนาศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย ซึ่งบทบาทที่แข็งขันของสหรัฐฯ จะมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างประชาคมอาเซียนมีความเข้มแข็งและยั่งยืน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าในปีหน้าที่ไทยจะรับช่วงเป็นประธานอาเซียน ไทยจะสานต่อการสร้างประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งไทยขอบคุณสหรัฐฯ ที่ได้สนับสนุนไทยและอาเซียน ในฐานะมิตรที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนานและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์สำคัญของอาเซียนตลอดมา
ด้านนายไมค์เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า วันนี้มาติดตามความคืบหน้าและสานต่องานที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ให้ความสำคัญ ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันอย่างเป็นหุ้นส่วนเพื่อสร้างความเข้มแข็งร่วมกันของสหรัฐและอาเซียน สหรัฐพร้อมสนับสนุนการค้าเสรีระหว่างกัน และเน้นย้ำถึงสถานการณ์ในเกาหลีเหนือที่มีพัฒนาการทางด้านความมั่นคงที่ปลอดภัยมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย