กรุงเทพฯ 14 พ.ย. – บลจ.ไทยพาณิชย์มองหุ้นไทยถึง 2,000 จุดในปี 2562 หากเลือกตั้งชัดเจน ดึงเงินทุนต่างชาติไหลกลับไทย
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวนโดยมาจากปัจจัยภายนอก เชื่อว่าเมื่อปัจจัยต่าง ๆ ชัดเจนขึ้น ตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจ เพราะราคาหุ้นไม่แพง ประกอบกับปัจจัยในประเทศสนับสนุนโดยเฉพาะการเมืองในประเทศ หากกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่นอนจะเป็นปัจจัยบวกดึงให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสขึ้นถึง 2,000 จุด ปี 2562
ส่วนภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกระยะต่อไป คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมานำโดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐ ภายหลังผลการเลือกตั้งกลางเทอมเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะร่วมมือกับพรรคเดโมแครตในการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมาคึกคักอีกครั้งภายหลังผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ ส่งผลให้มีเงินลงทุนไหลกลับเข้ามาในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนที่เผชิญแรงกดดันมาเป็นระยะเวลานานก็กลับมาน่าสนใจ เนื่องจากข่าวร้ายถูกรับรู้ไปมากแล้ว และมูลค่าพื้นฐานเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันก็อยู่ในระดับที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องจับตาความเสี่ยงด้านการเมืองของกลุ่มประเทศยุโรป เช่น แนวโน้มการเจรจา Brexit และการยื่นงบประมาณต่อคณะกรรมาธิการยุโรปของรัฐบาลอิตาลี เป็นต้น หากปัจจัยดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้นก็จะช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นยุโรปให้ขยายตัวได้ในระยะถัดไป
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า เพื่อสนับสนุนให้คนไทยลงทุนในหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ทาง บลจ.ไทยพาณิชย์จึงยกเลิกค่าธรรมเนียมการสั่งซื้อและค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนที่ลงทุนให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง ( Set Index Fund ) โดยเป็นการซื้อผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัล ผ่านทางแอพพลิเคชั่น SCB AM Fund Click กำหนดมูลค่าขั้นต่ำไว้เพียง 1 บาท และสูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาทเท่านั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนง่ายขึ้นและสร้างความสนใจในการลงทุน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป
“สำหรับกองทุน Set Index Fund ใช้เทคโนโลยี AI หรือหุ่นยนต์ในการบริหารพอร์ตลงทุน จึงทำให้ต้นทุนต่ำกว่าปกติ แต่ได้ผลตอบแทนตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์และสามารถชนะเงินเฟ้อได้” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย