กรุงเทพฯ 5 พ.ย. – อุตสาหกรรมการพิมพ์ไทยคาดมียอดงานพิมพ์สื่อหาเสียงประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท ระบุยุคดิจิทัลต้องปรับตัว เพราะมีการค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น ส่งผลความต้องการบรรจุภัณฑ์สวยงามและสติกเกอร์เพิ่มขึ้น ปีนี้คาดอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์โตร้อยละ 2-3 มูลค่ารวมโตต่อเพิ่มเป็น 350,000 ล้านบาท
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะที่ปรึกษานายกสมาคมการพิมพ์ไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงต้นปีหน้าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการพิมพ์ไทย เพราะจะทำให้มีงานพิมพ์สื่อหาเสียงของพรรคการเมืองเข้ามาเพิ่มเติมจากงานพิมพ์ปกติ แต่ด้วยมาตรการจำกัดการใช้สื่อสิ่งพิมพ์ในการหาเสียงบวกกับมีสื่อออนไลน์เข้ามาทดแทนมากขึ้น จึงคาดว่างานสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับสื่อหาเสียงเลือกตั้งจะมีมูลค่ารวมกันประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาทเท่านั้น
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไทยได้รับผลกระทบจากการเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมางานพิมพ์ทั่วไปลดลง แต่งานพิมพ์บรรจุภัณฑ์เติบโตมากขึ้น โดยคาดว่าปีนี้ภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์จะเติบโตร้อยละ 2-3 มูลค่ารวมประมาณ 350,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีมูลค่าประมาณ 340,000 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตของสิ่งพิมพ์กลุ่มบรรจุภัณฑ์ จากความต้องการของกลุ่มผู้ส่งออกสินค้าตามการส่งออกที่เติบโตดี บวกการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล เยาวชนคนรุ่นใหม่หันมาทำธุรกิจค้าออนไลน์มากขึ้นสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปหันมานิยมสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์เพิ่มขึ้น นิยมสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์สวยงาม
ปัจจุบันภาพรวมการรับงานพิมพ์ พบว่าร้อยละ 60 เป็นงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์และสติกเกอร์ที่สวยงาม ขณะที่สิ่งพิมพ์ทั่วไป นิตยสาร หนังสือต่าง ๆ มีสัดส่วนงานลดลงเหลือประมาณร้อยละ 40 และแนวโน้มจะยังคงต่อเนื่องไป คาดว่าในช่วง 3-4 ปีข้างหน้าสัดส่วนการรับงานพิมพ์ประเภทบรรจุภัณฑ์จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 70 ของงานทั้งหมด ขณะที่สิ่งพิมพ์ทั่วไปลดลงเหลือประมาณ 30 ของยอดงานที่รับ ต่างจากเดิมงานด้านบรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์จะเท่า ๆ กัน. -สำนักข่าวไทย