สำนักข่าวไทย 31 ต.ค.-สพป.สุรินทร์ ตั้งทีมสืบกรณีเด็กป.3 ข่มขืนป.2 ที่ห้องน้ำโรงเรียน เลขากพฐ.กำชับระมัดระวังไม่ละเมิดสิทธิเด็ก พร้อมเผยตั้งคณะทำงานทบทวนรูปแบบการก่อสร้างอาคาร เน้นความปลอดภัยของเด็ก ไม่มีมุมมืด จุดอับที่กลายเป็นภัยเงียบของเด็ก
นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุการณ์เด็กหญิงชั้นประถมศึกษา(ป.)ปีที่ 2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ถูกรุ่นพี่ชั้นป.3 โรงเรียนเดียวกันกระทำชำเราในห้องน้ำของโรงเรียน ในวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรก โดยผู้ปกครองของเด็กหญิงคนดังกล่าวได้ไปแจ้งความที่สภ.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ แล้วนั้น ว่า ขณะนี้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สุรินทร์ เขต 3 รายงานว่าได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน ตนจึงได้กำชับด้วยว่าการดำเนินการใดๆ ขอให้คำนึงถึงเด็กเป็นสำคัญ ต้องปกป้องเด็กและอยู่ในขอบข่ายที่เหมาะสม ระมัดระวังไม่ให้ละเมิดสิทธิเด็ก ซึ่งในหลักการทำงานเรื่องนี้ต้องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จังหวัดสุรินทร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นทำให้ สพฐ.และโรงเรียนต้องหันมาทบทวนมาตรการต่างๆ ต้องคาดการณ์เหตุการณ์ให้เปลี่ยนไปจากสมมุติฐานเดิม เพราะด้วยโลกที่เปลี่ยนไปมีสื่อเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น ก็ต้องเรียนรู้และเตรียมการวางแผนรับมือ
นายบุญรักษ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกัน สพฐ.กำลังทบทวนเรื่องการออกแบบอาคารต่างๆ ของโรงเรียนที่ต้องเน้นให้เอื้อประโยชน์ต่อการจัดการศึกษา โดยเฉพาะคำนึงถึงความปลอดภัยสำหรับเด็ก สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของเด็ก ซึ่งตนได้ตั้งคณะทำงาน 1 ชุดประกอบไปด้วยวิศวกรทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะมาช่วยกันศึกษารายละเอียดปัญหาและข้อเสนอแนะที่เหมาะสมในการปรับปรุงรูปแบบอาคารเรียน อาคารประกอบต่างๆ ภายในโรงเรียนให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อ สพฐ.เขียนแบบเสร็จแล้ว วิศวกรและทุกอย่างเห็นด้วยแล้ว และไม่เป็นการไปเอื้อประโยชน์ให้ใครแล้ว สพฐ.ก็จะต้องทำราคา ทำรายการให้สำนักงบฯเห็นชอบก่อน ซึ่งกระบวนการตรงนี้ใช้เวลาเป็นปีๆ แต่ถ้าเราไม่เริ่มวันนี้ ไม่ว่าจะปีหน้าหรืออีก2 ปี ก็ยังไม่มีการเปลี่ยแปลง แต่ถ้าเราเริ่มต้นวันนี้ อีก1-2 ปีมีการเปลี่ยนแปลงก็ยังดีกว่า.-สำนักข่าวไทย