กมธ.กฎหมายฯ พิจารณาปมนำเสนอข่าวน้องชมพู่

รัฐสภา 22 ก.ค.- กมธ.กฎหมายฯ รุมซักสื่อปมนำเสนอข่าวน้องชมพู่ มอบ กสทช.สอบย้อนหลัง 2 เดือน ทุกช่องปมละเมิดสิทธิเด็ก-ประชาชน ชี้นำคดี


การประชุมคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมเชิญสถานีโทรทัศน์ 2 ช่องได้แก่ อมรินทร์ทีวี และ ไทยรัฐทีวี เข้าชี้แจงถึงการนำเสนอข่าวคดีน้องชมพู่ เสียชีวิตปริศนา ที่จ.มุกดาหาร พร้อม เชิญ กสทช. มาร่วมให้ความเห็นด้วย ซึ่งในวันนี้ไทยรัฐทีวีได้ขอเลื่อนการชี้แจง มีเพียงอมรินทร์ทีวีช่องเดียว โดยนายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการฯ กล่าวว่าเหตุผลที่ต้องเชิญสื่อมาชี้แจง เนื่องจากมีประชาชนในพื้นที่เกิดเหตุ ร้องเรียนต่อกรรมาธิการว่าได้รับผลกระทบและถูกละเมิดจากการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ที่เปรียบประชาชนเหมือนสินค้าที่ถูกสื่อนำไปขาย 

จึงตั้งข้อสังเกตว่าการทำข่าวของสื่อ 2 ช่องเกินขอบเขตของหน้าที่สื่อหรือละเมิดจรรยาบรรณสื่อ หรือไม่ เป็นการซ้ำเติมน้องชมพู่หรือหาผลประโยชน์ จากคดีนี้หรือไม่ โดยเฉพาะช่องอมรินทร์ทีวี มีการนำเสนอข่าวนี้อยู่ตลอดเวลามีการสัมภาษณ์บุคคลให้กระทบต่อบุคคลที่สอง บุคคลที่สาม เพื่อเรียกเรตติ้งทางธุรกิจ มีการนำเสนอข้อมูลจากบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่เป็นการชี้นำหรือไม่ มีการเสนอข่าวในลักษณะของละครทำให้พยานยุ่งเหยิง มีการสัมภาษณ์เด็ก ร่างทรง พระ  เปรียบเสมือนเป็นพนักงานสืบสวนเอง เป็นอัยการเอง และผู้พิพากษาเอง  


ด้านนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ กรรมาธิการตั้งคำถามถึง กสทช.ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลสื่อมวลชน ว่า ได้มีการติดตามการนำเสนอข่าวคดีน้องชมพู่ของอมรินทร์ทีวีหรือไม่ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายของ กสทช.หรือไม่ 

นายสมบัติ ลีลาพตะ นิติกรเชี่ยวชาญพิเศษ ของ กสทช. กล่าวว่า เรื่องนี้ กสทช. มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลเนื้อหาการออกอากาศ ช่องอมรินทร์ทีวี ที่การดำเนินกิจการต้องอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ที่ห้ามออกอากาศในเรื่องที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อย ต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจ ซึ่งการนำเสนอข่างคดีน้องชมพู่ กสทช. ไม่ได้นิ่งเฉยมีการตรวจสอบการนำเสนอข่าวของทุกช่อง และมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาดูแลเนื้อหาการออกอากาศและได้รับเรื่องนี้มาพิจารณาแล้วโดยจะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงในวันที่ 30 ก.ค. นี้  ทั้งกรณีไปสัมภาษณ์พี่สาวของเด็กที่เสียชีวิต และบุคคลที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ 

ทั้งนี้กรรมาธิการได้ซักถามทางอมรินทร์ทีวี ว่าได้คัดกรองตรวจสอบเนื้อหาการออกอากาศการให้สัมภาษณ์ที่เป็นข้อมูลเท็จหรือไม่ 


นายนภจรส ใจเกษม บรรณาธิการบริหารอมรินทร์ทีวี กล่าวว่า อมรินทร์ทีวี มีการตรวจสอบข่าวก่อนออกอากาศแต่จากคดีที่เกิดขึ้นมีความจริงหลายด้านอยู่ที่ว่าจะเป็นความจริงจากใคร ทั้งความจริงจากลุงพล จากพ่อแม่น้องชมพู่ หรือความจริงจากชาวบ้าน แต่ความจริงของใครคือความจริงแท้ อมรินทร์ทีวีจึงเลือกนำเสนอความจริงทุกด้าน เปิดพื้นที่ให้ทั้งฝั่ง พ่อแม่ น้องชมพู่ และฝั่งลุงพล ได้ชี้แจงอย่างรอบด้าน  ยืนยันว่าสื่อเองไม่มีสิทธิไปตัดสินว่าความจริงของใครคือข้อเท็จจริง เพราะสุดท้ายการตัดสินจะอยู่ที่คำพิพากษาของศาล 

จากนั้น ประธานกรรมาธิการฯ ซักถามต่อว่าการออกอากาศใครจะพูดอะไรให้เกิดผลกระทบอย่างไรก็ได้ใช่หรือไม่ เพราะแม่ของน้องชมพู่พูดเองเมื่อวานนี้ว่าถูกละเมิด ถูกทำให้เหมือนสินค้า มีการไปสัมภาษณ์พี่สาวน้องชมพู่ในโรงเรียนแล้วอ้างว่า ผอ.โรงเรียนอนุญาต ทั้งที่ควรขออนุญาตผู้ปกครองก่อน

ด้านนายกิตติเดช  กิจมโนมัย ที่ปรึกษากรรมาธิการ ตั้งคำถามว่ากรอบของคำว่าข้อเท็จจริงหรืออะไร เพราะสิ่งที่ อมรินทร์ทีวี นำเสนอหลาย ๆ ครั้งที่อมรินทร์ทีวีคิดว่าเป็นข้อเท็จจริง แต่คนก็จะรู้ว่านั้นเป็นความเชื่อ เหมือนอย่างกรณีรายการช่องส่องผีที่มีการนำเสนอความเชื่อแต่ก็บอกว่าเป็นข้อเท็จจริง จึงต้องถามว่าข้อเท็จจริงนั้นพิสูจน์ได้อย่างไรหรือจริง ๆ เป็นเพียงความเชื่อเท่านั้น จึงขอให้อมรินทร์ทีวีควรรอบคอบมากกว่านี้ ในการนำเสนอ เพราะส่วนตัวรับไม่ได้กับคำว่าความเห็นของแต่ละคนเป็นข้อเท็จจริง ทั้งที่ความเห็นของแต่ละคนเป็นเพียงความเชื่อหากไปกระทบต่อบุคคลอื่น ๆ มันเกิดกว่าขอบเขตของหน้าที่ของสื่อ  

ส่วนกรณีการนำเสนอภาพการตรวจดีเอ็นเอประชาชนของตำรวจ นั้น บรรณาธิการบริหารอมรินทร์ทีวี ชี้แจงว่าเป็นเพียงการนำเสนอกระบวนการทำงานของตำรวจเท่านั้นแต่ไม่ได้ไปก้าวล่วงหรือไปเจาะลึกว่าเป็นดีเอ็นเอของใครอย่างไร ส่วนการสัมภาษณ์บุคคลในพื้นที่ โดยเฉพาะแม่น้องชมพู่ ยืนยันว่าทุกครั้งที่สัมภาษณ์มีการขออนุญาตทุกครั้งหากไม่อนุญาตก็จะไม่สัมภาษณ์  แต่การไปสัมภาษณ์พี่สาวน้องชมพู่ที่โรงเรียนนั้น ยืนยันว่าอมรินทร์ทีวีไม่ใช่ช่องแรกที่สัมภาษณ์ ซึ่งหลังจากแม่น้องชมพู่ไม่สบายใจอมรินทร์ทีวี ก็ไม่นำเสนออีกเลย

นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมาธิการ กล่าวว่า การใช้เสรีภาพสื่อต้องอยู่บนความรับผิดชอบต่อสังคม ต้องเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของบุคคล ถึงแม้บุคคลจะมีการยินยอมให้สัมภาษณ์ แต่การสัมภาษณ์อาจทำให้กระทบสิทธิความเป็นส่วนตัวหรือกระทำให้เกิดความสะเทือนใจของสังคมได้ สื่อต้องมีความรอบคอบเรื่องนี้ โดยเฉพาะการสัมภาษณ์พี่สาวน้องชมพู่ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเด็กโดยตรงเพราะโดยปกติการจะสัมภาษณ์เด็กเดี่ยวกับคดีต้องมีสหวิชาชีพร่วมในการดำเนินการด้วย  

จากนั้นที่ประชุมมีมติให้ กสทช. ตรวจสอบการทำข่าวของสื่อ 2 ช่อง และช่องอื่นๆ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาว่าเข้าข่ายละเมิดสิทธิ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเป็นการมอมเมาประชาชนหรือไม่ และรายงานต่อกรรมาธิการ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางมาตรการด้านจริยธรรมสื่อมวลชนให้ชัดเจน .-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจ

มุกดาหาร 27 ก.ค. – แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายที่ได้รับใช้ชาติ ที่จังหวัดมุกดาหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด เชิญสิ่งของพระราชทานมอบให้ครอบครัว จ.ส.อ.ธวัชชัย บุสภา หรือ จ่าโต๋ ซึ่งเสียชีวิตบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตตะโสม) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากเหตุปะทะและการยิงถล่มของกัมพูชาบริเวณเนิน 333 แม่ของ จ.ส.อ.ธวัชชัย บอกว่าตอนนี้ตนได้เปลี่ยนจากความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายในการรับใช้ชาติ อีกทั้งครอบครัวได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นบุญของลูกชายและครอบครัว ส่วนน้องชายที่เป็นทหารพรานอยู่ตอนนี้ก็ไม่ถอดใจ ส่วนที่ศาลาประชาคมชาวบ้านห้วยเตย ตำบลศรีสุขสำราญ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาพร้อมใจกันร้องเพลงชาติไทยดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังและส่งกำลังใจให้ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาชายแดนไทยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเปิดจุดรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำส่งความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และผู้ประสบภัย.-สำนักข่าวไทย

ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก แม้ “ทรัมป์” เสนอเจรจาหยุดยิง

สุรินทร์ 27 ก.ค.-ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก กัมพูชาเปิดฉากยิงใส่แต่เช้ามืด กระสุนบางส่วนตกใส่หมู่บ้านฝั่งไทย ขยายรัศมีไกลขึ้นเรื่อยๆ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เสนอเจรจาหยุดยิง แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงผ่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา แต่ขณะที่ยังไม่มีการเจรจาทวิภาคี ระหว่างไทย-กัมพูชา เช้ามืดวันนี้ ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ก็ยังมีการปะทะกันอย่างหนัก จนกระสุนมาตกสร้างความเสียหายให้ราษฎรไทยอย่างที่เห็น“ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควายและตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่ช่วงตี 4 กระสุนจากการประทะบางส่วนเข้ามาตกในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งปรากฏกระสุนรุกล้ำดินแดนไทยลึกเข้ามาเรื่อยๆ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง และมีไฟลุกไหม้ เศษสังกะสี ซีเมนต์ วัสดุโครงสร้างบ้านปลิวกระจัดกระจาย เคราะห์ยังดี ที่เจ้าของบ้านอพยพออกนอกพื้นที่หมดแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ขอร้องให้อพยพออกไปเมื่อวานนี้ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต บางจุดลงฟาร์มวัววากิว ทำให้วัวตายไป 6 ตัว เจ้าของวัวเล่าว่า ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงลูกปืนใหญ่ของ 2 ฝ่าย และสังเกตเห็นจรวด BM-21 พุ่งเข้ามาที่คอกวัว จึงได้หลบหาที่กำบัง พอเสียงเงียบ ตนก็รีบออกมาดู ก็พบว่า วัวของตนถูกกระสุนตายไป […]

บุรีรัมย์สั่งอพยพชาวบ้านเพิ่ม 3 อำเภอ

บุรีรัมย์ 27 ก.ค.-บุรีรัมย์ ประกาศให้ชาวบ้านอพยพเพิ่มอีก 3 อำเภอ หลังพื้นที่ปะทะและรัศมีอาวุธขยายไปไกลขึ้น ทั้งวัด โรงเรียน ศูนย์พักพิงชั่วคราว และ รพ.อีก 2 แห่ง ต้องอพยพผู้ป่วยด่วน เหลือเพียงหน่วยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ช่วงเวลาบ่าย 2-3 โมง เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีเสียงปืน เสียงระเบิดดังเป็นระยะ และมีกระสุนปืนใหญ่ ตกในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จึงประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ละหานทราย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.โนนดินแดง อพยพไปอยู่ตามบ้านญาติ หรือศูนย์พักพิงที่ห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุนปืนใหญ่ และอาวุธหนัก บางครัวเรือนก็มีลูกหลานมารับออกไปแล้ว ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ก็ได้จัดรถไปช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วย ด้าน โรงพยาบาลในพื้นที่ 2 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ก็มีการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน รวมถึงให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เหลือไว้แค่หน่วยที่จะรับผู้ป่วยฉุกเฉิน […]

Trump says he is seeking a ceasefire between Thailand, Cambodia

“ทรัมป์” โยงเรื่องการค้ากับหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เอดินบะระ 27 ก.ค.-  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ พูดคุยกับผู้นำของทางการไทยและกัมพูชา โดยโยงเรื่องการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐกับเรื่องหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างการเยือนสกอตแลนด์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชา 3 โพสต์ติดต่อกัน โพสต์แรกระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี มาเนตกัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษานายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการหยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ สหรัฐซึ่งกำลังหารือทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศอยู่ในขณะนี้ไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดประเทศหนึ่งหากยังมีการสู้รบกันอยู่ กัมพูชาจะแสดงท่าทีเรื่องหยุดยิงหลังจากที่เขาได้คำตอบจากไทยในเรื่องนี้ นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานกับอินเดียที่ได้รับการยับยั้งเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ได้สนทนากับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ฝ่ายไทยต้องการหยุดยิงและสันติภาพเช่นเดียวกับกัมพูชา และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำสหรัฐโพสต์ข้อความที่ 3 ว่า เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและแจ้งเรื่องที่ได้หารือกับทางการไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดยิงและสันติภาพ และต้องการกลับมาเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ โดยตกลงจะพบหารือและหาทางหยุดยิงโดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เปิดเผยกับสื่อที่เมืองปุตราจายาเมื่อวานนี้ว่า จะเดินหน้าผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งยังคงมีการยิงปะทะกันอยู่ เขาได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา และหากเป็นไปได้ เขาจะเข้าไปประสานงานด้วยตัวเองเพื่อหยุดยั้งการสู้รบ รอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาสนับสนุนข้อเสนอของนายอันวาร์ ส่วนไทยระบุว่า เห็นชอบในหลักการ.-820(814).-สำนักข่าวไทย