กมธ.กฎหมายฯ พิจารณาปมนำเสนอข่าวน้องชมพู่

รัฐสภา 22 ก.ค.- กมธ.กฎหมายฯ รุมซักสื่อปมนำเสนอข่าวน้องชมพู่ มอบ กสทช.สอบย้อนหลัง 2 เดือน ทุกช่องปมละเมิดสิทธิเด็ก-ประชาชน ชี้นำคดี


การประชุมคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมเชิญสถานีโทรทัศน์ 2 ช่องได้แก่ อมรินทร์ทีวี และ ไทยรัฐทีวี เข้าชี้แจงถึงการนำเสนอข่าวคดีน้องชมพู่ เสียชีวิตปริศนา ที่จ.มุกดาหาร พร้อม เชิญ กสทช. มาร่วมให้ความเห็นด้วย ซึ่งในวันนี้ไทยรัฐทีวีได้ขอเลื่อนการชี้แจง มีเพียงอมรินทร์ทีวีช่องเดียว โดยนายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการฯ กล่าวว่าเหตุผลที่ต้องเชิญสื่อมาชี้แจง เนื่องจากมีประชาชนในพื้นที่เกิดเหตุ ร้องเรียนต่อกรรมาธิการว่าได้รับผลกระทบและถูกละเมิดจากการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ที่เปรียบประชาชนเหมือนสินค้าที่ถูกสื่อนำไปขาย 

จึงตั้งข้อสังเกตว่าการทำข่าวของสื่อ 2 ช่องเกินขอบเขตของหน้าที่สื่อหรือละเมิดจรรยาบรรณสื่อ หรือไม่ เป็นการซ้ำเติมน้องชมพู่หรือหาผลประโยชน์ จากคดีนี้หรือไม่ โดยเฉพาะช่องอมรินทร์ทีวี มีการนำเสนอข่าวนี้อยู่ตลอดเวลามีการสัมภาษณ์บุคคลให้กระทบต่อบุคคลที่สอง บุคคลที่สาม เพื่อเรียกเรตติ้งทางธุรกิจ มีการนำเสนอข้อมูลจากบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่เป็นการชี้นำหรือไม่ มีการเสนอข่าวในลักษณะของละครทำให้พยานยุ่งเหยิง มีการสัมภาษณ์เด็ก ร่างทรง พระ  เปรียบเสมือนเป็นพนักงานสืบสวนเอง เป็นอัยการเอง และผู้พิพากษาเอง  


ด้านนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ กรรมาธิการตั้งคำถามถึง กสทช.ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลสื่อมวลชน ว่า ได้มีการติดตามการนำเสนอข่าวคดีน้องชมพู่ของอมรินทร์ทีวีหรือไม่ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายของ กสทช.หรือไม่ 

นายสมบัติ ลีลาพตะ นิติกรเชี่ยวชาญพิเศษ ของ กสทช. กล่าวว่า เรื่องนี้ กสทช. มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลเนื้อหาการออกอากาศ ช่องอมรินทร์ทีวี ที่การดำเนินกิจการต้องอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ที่ห้ามออกอากาศในเรื่องที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อย ต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจ ซึ่งการนำเสนอข่างคดีน้องชมพู่ กสทช. ไม่ได้นิ่งเฉยมีการตรวจสอบการนำเสนอข่าวของทุกช่อง และมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาดูแลเนื้อหาการออกอากาศและได้รับเรื่องนี้มาพิจารณาแล้วโดยจะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงในวันที่ 30 ก.ค. นี้  ทั้งกรณีไปสัมภาษณ์พี่สาวของเด็กที่เสียชีวิต และบุคคลที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ 

ทั้งนี้กรรมาธิการได้ซักถามทางอมรินทร์ทีวี ว่าได้คัดกรองตรวจสอบเนื้อหาการออกอากาศการให้สัมภาษณ์ที่เป็นข้อมูลเท็จหรือไม่ 


นายนภจรส ใจเกษม บรรณาธิการบริหารอมรินทร์ทีวี กล่าวว่า อมรินทร์ทีวี มีการตรวจสอบข่าวก่อนออกอากาศแต่จากคดีที่เกิดขึ้นมีความจริงหลายด้านอยู่ที่ว่าจะเป็นความจริงจากใคร ทั้งความจริงจากลุงพล จากพ่อแม่น้องชมพู่ หรือความจริงจากชาวบ้าน แต่ความจริงของใครคือความจริงแท้ อมรินทร์ทีวีจึงเลือกนำเสนอความจริงทุกด้าน เปิดพื้นที่ให้ทั้งฝั่ง พ่อแม่ น้องชมพู่ และฝั่งลุงพล ได้ชี้แจงอย่างรอบด้าน  ยืนยันว่าสื่อเองไม่มีสิทธิไปตัดสินว่าความจริงของใครคือข้อเท็จจริง เพราะสุดท้ายการตัดสินจะอยู่ที่คำพิพากษาของศาล 

จากนั้น ประธานกรรมาธิการฯ ซักถามต่อว่าการออกอากาศใครจะพูดอะไรให้เกิดผลกระทบอย่างไรก็ได้ใช่หรือไม่ เพราะแม่ของน้องชมพู่พูดเองเมื่อวานนี้ว่าถูกละเมิด ถูกทำให้เหมือนสินค้า มีการไปสัมภาษณ์พี่สาวน้องชมพู่ในโรงเรียนแล้วอ้างว่า ผอ.โรงเรียนอนุญาต ทั้งที่ควรขออนุญาตผู้ปกครองก่อน

ด้านนายกิตติเดช  กิจมโนมัย ที่ปรึกษากรรมาธิการ ตั้งคำถามว่ากรอบของคำว่าข้อเท็จจริงหรืออะไร เพราะสิ่งที่ อมรินทร์ทีวี นำเสนอหลาย ๆ ครั้งที่อมรินทร์ทีวีคิดว่าเป็นข้อเท็จจริง แต่คนก็จะรู้ว่านั้นเป็นความเชื่อ เหมือนอย่างกรณีรายการช่องส่องผีที่มีการนำเสนอความเชื่อแต่ก็บอกว่าเป็นข้อเท็จจริง จึงต้องถามว่าข้อเท็จจริงนั้นพิสูจน์ได้อย่างไรหรือจริง ๆ เป็นเพียงความเชื่อเท่านั้น จึงขอให้อมรินทร์ทีวีควรรอบคอบมากกว่านี้ ในการนำเสนอ เพราะส่วนตัวรับไม่ได้กับคำว่าความเห็นของแต่ละคนเป็นข้อเท็จจริง ทั้งที่ความเห็นของแต่ละคนเป็นเพียงความเชื่อหากไปกระทบต่อบุคคลอื่น ๆ มันเกิดกว่าขอบเขตของหน้าที่ของสื่อ  

ส่วนกรณีการนำเสนอภาพการตรวจดีเอ็นเอประชาชนของตำรวจ นั้น บรรณาธิการบริหารอมรินทร์ทีวี ชี้แจงว่าเป็นเพียงการนำเสนอกระบวนการทำงานของตำรวจเท่านั้นแต่ไม่ได้ไปก้าวล่วงหรือไปเจาะลึกว่าเป็นดีเอ็นเอของใครอย่างไร ส่วนการสัมภาษณ์บุคคลในพื้นที่ โดยเฉพาะแม่น้องชมพู่ ยืนยันว่าทุกครั้งที่สัมภาษณ์มีการขออนุญาตทุกครั้งหากไม่อนุญาตก็จะไม่สัมภาษณ์  แต่การไปสัมภาษณ์พี่สาวน้องชมพู่ที่โรงเรียนนั้น ยืนยันว่าอมรินทร์ทีวีไม่ใช่ช่องแรกที่สัมภาษณ์ ซึ่งหลังจากแม่น้องชมพู่ไม่สบายใจอมรินทร์ทีวี ก็ไม่นำเสนออีกเลย

นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมาธิการ กล่าวว่า การใช้เสรีภาพสื่อต้องอยู่บนความรับผิดชอบต่อสังคม ต้องเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของบุคคล ถึงแม้บุคคลจะมีการยินยอมให้สัมภาษณ์ แต่การสัมภาษณ์อาจทำให้กระทบสิทธิความเป็นส่วนตัวหรือกระทำให้เกิดความสะเทือนใจของสังคมได้ สื่อต้องมีความรอบคอบเรื่องนี้ โดยเฉพาะการสัมภาษณ์พี่สาวน้องชมพู่ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเด็กโดยตรงเพราะโดยปกติการจะสัมภาษณ์เด็กเดี่ยวกับคดีต้องมีสหวิชาชีพร่วมในการดำเนินการด้วย  

จากนั้นที่ประชุมมีมติให้ กสทช. ตรวจสอบการทำข่าวของสื่อ 2 ช่อง และช่องอื่นๆ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาว่าเข้าข่ายละเมิดสิทธิ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเป็นการมอมเมาประชาชนหรือไม่ และรายงานต่อกรรมาธิการ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางมาตรการด้านจริยธรรมสื่อมวลชนให้ชัดเจน .-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

car blocked hydrant delaying Thai temple fire control in New York

เปิดภาพรถจอดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงในเหตุไฟไหม้วัดไทย

นิวยอร์ก 13 ก.พ. – หน่วยงานดับเพลิงในนครนิวยอร์กโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง เป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าในการดับไฟไหม้วัดไทยในเขตบรองซ์ของนครนิวยอร์ก ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกับเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ นายโรเบิร์ต เอส. ทักเกอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงนิวยอร์กหรือเอฟดีเอ็นวาย (FDNY) โพสต์ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) แสดงความเสียใจกับเหตุไฟไหม้ในเขตบรองซ์ และขอบคุณสภากาชาดและหน่วยงานฉุกเฉินที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกับโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง โดยระบุว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 วันที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงประสบปัญหาหัวจ่ายน้ำดับเพลิงถูกกีดขวาง และครั้งนี้เป็นหัวจ่ายน้ำดับเพลิงที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารที่เกิดไฟไหม้ วินาทีที่มีค่าต้องสูญเปล่าเพราะยวดยานที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอย่างผิดกฎหมาย เรื่องนี้เป็นยิ่งกว่าการทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ด้านเอฟดีเอ็นวายโพสต์เอ็กซ์ว่า เหตุไฟไหม้วัดอุษาพุฒยาราม เมื่อราว 06.00 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทวีความรุนแรงจากการเตือนภัยระดับ 2 เป็นระดับ 3 เจ้าหน้าที่มากกว่า 40 หน่วย รวม 150 นาย พยายามควบคุมไฟที่ไหม้ 2 อาคาร แต่น่าเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน มีรถยนต์คันหนึ่งจอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่นานมานี้ เอฟดีเอ็นวายโพสต์ในเวลาต่อมาว่า เหตุไฟไหม้ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากเครื่องทำความร้อนแบบพกพาสัมผัสกับวัสดุที่ติดไฟง่าย พร้อมกับย้ำว่า […]

ปลอดภัยแล้ว นร.ถูกเก๋งฝ่าไฟแดงพุ่งชนขณะข้ามทางม้าลาย

รถเก๋งฝ่าไฟแดงชนนักเรียนขณะข้ามทางม้าลายหน้าโรงเรียนดัง คนขับอ้างไม่ใช่คนพื้นที่ มัวมองดู GPS ส่วนน้องนักเรียนปลอดภัยแล้ว

ภูมิใจไทยวอล์กเอาต์

ประชุมร่วมรัฐสภา วุ่นตั้งแต่เริ่ม “ภท.” วอล์กเอาต์ยกพรรค

“ภูมิใจไทย” วอล์กเอาต์ยกพรรคตั้งแต่เริ่มถกแก้ รธน. “ไชยชนก” บอกขัดต่อคำวินิจฉัยศาล ด้าน “หมอเปรม” โร่เสนอญัตติด่วนขอให้ศาล รธน.ตีความก่อน ลั่น เป็นคนมีวุฒิภาวะ-ทำอะไรรอบคอบ บรรจงเขียนอย่างสุดยอดในชีวิต ทำ “ณัฐวุฒิ” โวยยังไม่เห็นเอกสาร สุดท้ายประธาน “วันนอร์” สั่งพักประชุม 15 นาที

ข่าวแนะนำ

มือฆ่า 3 ศพ ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป ยันไม่ได้ยิงเด็ก แต่ปืนลั่น

มือฆ่า 3 ศพ เปิดปากครั้งแรก ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป รู้ว่าไม่สมควร ยืนยันไม่ได้ยิงเด็ก แต่ปืนลั่นเพราะแม่เด็กยื้อแย่งปืน

จับแล้วหนุ่มใช้ค้อนทุบหัวเพื่อนรุ่นพี่เสียชีวิต

ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา รวบตัว “นายก๊อง” ได้แล้ว หลังก่อเหตุใช้ค้อนทุบหัวเพื่อนรุ่นพี่จนเสียชีวิต เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา

ตร.ออกหมายจับชายชาวจีน คดีสาวเอ็นฯ ดับปริศนา

ตำรวจออกหมายจับชายชาวจีน คดีสาวเอ็นฯ เสียชีวิตปริศนาในโรงแรม พบเข้าไทยถูกกฎหมาย ชุดสืบฯ เตรียมรวบตัวเร็วๆ นี้ หลังพบพิกัดยังอยู่ในพื้นที่ กทม. เบื้องต้นทราบว่าเจ้าตัวไม่พร้อมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

ผู้ช่วย รมต.จีน บินลงพื้นที่แม่สอด เตรียมรับคนจีนกลับประเทศ

นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน บินลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เตรียมข้ามฝั่งพบ รมต.มหาดไทยของเมียนมา รับคนจีนกลับประเทศจีน