นนทบุรี 31 ต.ค. – กระทรวงพาณิชย์ชี้โอกาสผู้ผลิตสินค้าไทย หลังสหรัฐที่กำลังมองหาแหล่งผลิตใหม่แทนตลาดจีน
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองไมอามี พบว่าหลังการประกาศขึ้นภาษีขาเข้าของสหรัฐที่เป็นตัวจุดชนวนสงครามการค้ากับจีน และส่งผลกระทบต่อนานาประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการสหรัฐจำนวนมากพยายามย้ายแหล่งผลิตออกจากจีนทั้งที่มีการเข้าไปลงทุนเอง และที่ว่าจ้างให้ผลิต สำหรับผู้ประกอบการสหรัฐที่ว่าจ้างผลิตนั้นอาจย้ายแหล่งผลิตได้ง่ายกว่ากลุ่มที่เข้าไปลงทุนผลิตในจีนเอง และบางส่วนได้ผ่านขั้นตอนการคัดเลือกแหล่งผลิตใหม่แล้ว เว้นแต่กลุ่มที่มีแหล่งสินค้าผูกติดกับจีนหรือกำลังอยู่ระหว่างยื่นขอรับการยกเว้นจากรัฐบาล โดยผู้ประกอบการสหรัฐจำนวนมากกำลังศึกษาหาแหล่งผลิตทางเลือกใหม่จากประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงเม็กซิโกที่ไม่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มจากสหรัฐ เพราะวัตถุประสงค์หลักของการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อลดปริมาณการนำเข้าสินค้าจากจีนลง จึงไม่น่าจะยอมยกเว้นให้มากนัก
อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 หากสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นร้อยละ 25 ผู้ค้าปลีกบางส่วนยืนยันว่าคงต้องผลักภาระไปให้ผู้บริโภคแน่นอน หากไม่ได้รับการยกเว้น ขณะที่ผู้ผลิตสินค้าบางรายการเริ่มผลักภาระให้ผู้บริโภคแล้ว เช่น กระเป๋าเดินทางและกระเป๋าใส่อุปกรณ์กีฬาที่ขายในสหรัฐ ซึ่งมีแหล่งผลิตจากจีนถึงร้อยละ 70 หรือสินค้าที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ต้องอาศัยแหล่งผลิตจากจีนถึงร้อยละ 84 โดยผู้ผลิตสินค้ายืนยันว่าการย้ายฐานการผลิตเป็นไปได้ยาก เนื่องจากประเทศอื่น ๆ ไม่มีกำลังการผลิตหรือความสามารถการผลิตเทียบเท่ากับจีน นอกจากนี้ ยังมีจักรยานที่นำเข้าจากจีนถึงร้อยละ 92 เนื้อปลานิลแช่แข็ง ร้อยละ 85 ผู้ประกอบการชาวสหรัฐส่วนใหญ่กำลังมองหาแหล่งผลิตสินค้าและวัตถุดิบจากประเทศอื่น แต่ยังต้องคำนึงถึงสัดส่วนกำไรที่น้อยลงและความเชี่ยวชาญในกิจการนั้น ๆ ด้วย
นอกจากนี้ สินค้าที่กำลังเข้าแถวรอการปรับอัตราภาษีขึ้นจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ในปีหน้าแบ่งตามหมวดหมู่ใหญ่ ๆ ได้แก่ สารอินทรีย์เคมี ปลา สารเคมี ฝ้าย กระดาษ อุปกรณ์และชิ้นส่วนประกอบเครื่องจักรยานยนต์ อุปกรณ์ปฏิกรณ์นิวเคลียร์ อาหารพืชผัก รวมกันแล้วกว่า 5,745 รายการชนิดสินค้า ซึ่งหลายชนิดสินค้าในรายการนี้ ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ และถือเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพต้องเร่งพัฒนาตนเองให้เป็นหนึ่งในทางเลือกของผู้ประกอบการสหรัฐ ที่ยังมองหาแหล่งผลิตใหม่มาทดแทนแหล่งผลิตจากจีน หากสหรัฐขยายกรอบการเพิ่มภาษีขาเข้าสำหรับสินค้าจีนไปยังสินค้าอื่น เช่น รองเท้าเด็ก เสื้อผ้าเด็ก ที่มีมูลค่าถึง 267,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้ประกอบการสหรัฐก็ต้องเร่งหาแหล่งผลิตสินค้าใหม่ สำหรับบางรายที่ลงทุนและใช้แหล่งการผลิตจากจีนมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี การจะย้ายฐานการผลิตสินค้าต้องใช้เวลานาน หรืออาจไม่สามารถย้ายฐานการผลิตได้เลย หากมีการขยับภาษีนำเข้าเป็นร้อยละ 25 บริษัทเหล่านี้จำเป็นต้องผลักภาระให้ผู้บริโภครับไว้ในที่สุด
ทั้งนี้ แม้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าได้ไม่นาน แต่กรมส่งเสริมการค้าระหว่าประเทศ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีการวางแผนจัดทำแผนยุทธศาสตร์ เพื่อพลิกวิกฤติสงครามการค้าเป็นโอกาสของสินค้าไทย โดยได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศศึกษาโอกาสที่ไทยจะเข้าไปทดแทนในการผลิตสินค้าที่จีนส่งไปสหรัฐไม่ได้ และสินค้าที่สหรัฐส่งไปจีนไม่ได้ รวมทั้งหาตลาดศักยภาพใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง รวมทั้งฝากถึงผู้ประกอบการไทยทั้งรายย่อยอย่างเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพจนถึงรายใหญ่พัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้าของไทย เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออก เพราะเศรษฐกิจของไทยยังคงพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169 ได้.-สำนักข่าวไทย