สำนักข่าวไทย 30 ต.ค.-อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยพบการบุกรุกใช้ที่ดินภูขี้ไก่ จ.เพชรบูรณ์อีกครั้ง หลังเคยแจ้งให้ยึดคืนไปแล้ว เมื่อ 10 ปีก่อน เร่งตรวจสอบหาขบวนการกระทำผิด รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึง กรณีนายทุนรุกป่าเปิดตัวโครงการสวนน้ำแห่งใหม่ พื้นที่ประมาณ 1,800 ไร่ บริเวณภูขี้ไก่ รอยต่อของอำเภอหล่มเก่า และอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลเรื่องดังกล่าวแล้วพบว่าเมื่อปี2549
กรมป่าไม้ ได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่อง การออกเอกสารสิทธิที่ดิน แจ้งว่าเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าบนภูขี้ไก่ รอยต่อของอำเภอหล่มเก่าและอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พบมีการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินและมีการนำเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นการครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่กรมป่าไม้พิจารณาจากสภาพพื้นที่ เห็นว่าเป็นป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 โดยมีสภาพป็นเขาสูงชัน เป็นป่าต้นน้ำลำธาร ชั้น1 บีและชั้น 2 พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นป่าสมบูรณ์ และขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบสวน
ทั้งนี้ คณะกรรมการคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2550 และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ได้สืบสวนสอบสวนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของศาลในทางวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการออกเอกสารสิทธิดังกล่าวจึงได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงาน ป.ป.ท. เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2551
อย่างไรก็ตามเนื่องจากผลการสอบสวนที่พบว่าเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงแยกเรื่องส่งให้กรมที่ดินไปพิจารณาดำเนินการตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 เพื่อพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินดังกล่าวอีกส่วนหนึ่งด้วย
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวอีกว่า ภายหลังจากกรมได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ล่าสุดได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีกลุ่มนายทุนต่างชาตินำเงินมาลงทุนซื้อที่ดินบริเวณนี้ซึ่งเป็นพื้นที่ลาดชันสูง มีการสร้างสิ่งปลูกสร้าง และปรับพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ จึงรับเรื่องไว้สืบสวน เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าพื้นที่เกิดเหตุ ยังมีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินเป็นหลักฐานแสดงกรรมสิทธิอยู่ โดยบางแปลงเป็นพื้นที่มีความลาดชันเกินร้อยละ 35 ซึ่งตามปกติไม่อาจออกเอกสารสิทธิได้ และบางแปลงเป็นการอ้างการครอบครองต่อเนื่อง โดยไม่มีเอกสาร ส.ค.1 และไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน คงมีที่ดินเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ยังไม่พบหลักฐานว่าออกโดยขัดหลักเกณฑ์การออกเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน
นอกจากนั้นจากการลงพื้นที่ยังพบกลุ่มบุคคลที่พักอยู่ในบริเวณดังกล่าวมีพฤติการณ์ส่อไปในทางสร้างลัทธิหรือความเชื่อใหม่ๆ โดยใช้ชื่อว่า “ชุมชน ธะธรรมชาติ” ซึ่งจะเร่งสืบสวนว่าเป็นความผิดอาญาที่เข้าข่ายตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 หรือไม่ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย