เชียงราย 29 ต.ค. – ธ.ก.ส. เดินหน้าพัฒนาอาชีพผู้มีบัตรสวัสดิการฯ มุ่งพัฒนาอาชีพเดิม เสริมสร้างอาชีพใหม่ หมั่นให้ความรู้ทางการเงินกว่า 2.7 ล้านราย พร้อมสนับสนุนสหกรณ์ และ SMAEs ในพื้นที่ ทำหน้าที่เป็นหัวขบวนสร้างรายได้
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และคณะเยี่ยมชมการพัฒนารผู้มีรายได้น้อย ภายใต้มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มุ่งเน้นการพัฒนาอาชีพ เพิ่มรายได้ และการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบของเกษตรกรอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาอาชีพเกษตรกรผู้มีบัตรสวัสดิการ เชื่อมโยงกับผู้ประกอบการด้านการเกษตรในพื้นที่ หรือ SMAEs และองค์กรของเกษตรกร เช่น สหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ทำหน้าที่เป็นหัวขบวนในการรับซื้อผลผลิต การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อเป็นทางเลือกในการสร้างอาชีพและรายได้ให้ผู้มีรายได้น้อยทุกจังหวัด ปัจจุบันมีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ 172 แห่ง และ SMAEs จำนวน 7,574 ราย
นายสมภพ รอดกลาง ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า การพัฒนารายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะนี้มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการภายใต้ ธ.ก.ส.ดูแล 4.08 ล้านราย ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ 4.051 ล้านราย เพื่อพัฒนาตนเองตามโครงการด้วยการฝึกอบรมและเสริมทักษะด้านอาชีพจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงแรงงาน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และการให้ความรู้ทางการเงินจาก ธ.ก.ส. 2.76 ล้านราย และไม่ประสงค์พัฒนาแต่ต้องการดำรงชีวิตพอเพียง 1.28 ล้านราย
นอกจากนี้ ธ.ก.ส.ยังช่วยเหลือเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยแบบครบวงจรผ่าน 3 มาตรการ 9 โครงการ ซึ่งผลการดำเนินงานปัจจุบัน ประกอบด้วย มาตรการลดภาระหนี้สิน ได้แก่ 1.โครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผู้มีรายได้น้อย 657,080 ราย 155,631 ล้านบาท 2.โครงการสินเชื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ 3,022 ราย 247 ล้านบาท 3.โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน 76,383 ราย 3,692 ล้านบาท 4.โครงการชำระดีมีคืน 1,235,279 ราย 2,630 ล้านบาท 5.โครงการสินเชื่อกองทุนหมู่บ้าน 2,518 ราย 73 ล้านบาท มาตรการพัฒนาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ได้แก่ 1. โครงการสินเชื่อชุมชนปรับเปลี่ยนการผลิตเพื่อพัฒนาอาชีพ (XYZ) 252 ล้านบาท 2.โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาอาชีพผู้มีรายได้น้อย 41,767 ราย 1,908 ล้านบาท และมาตรการพัฒนาตนเอง ได้แก่ 1.โครงการให้ความรู้ทางการเงิน 984,469 ราย 2. โครงการส่งเสริมการออมผ่านกองทุนทวีสุข 26,499 ราย 30 ล้านบาท
นายสมภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของจังหวัดเชียงราย เกษตรกรผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้าร่วมโครงการ 129,019 ราย ประสงค์พัฒนาตามโครงการ 99,068 ราย และต้องการดำรงชีวิตพอเพียง 29,951 ราย สำหรับชุมชนบ้านป่าซางวิวัฒน์ เกษตรกร มีอาชีพหลักในการทำนาและปลูกสับปะรด ซึ่งมักประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ และปัจจัยการผลิตมีราคาสูง เมื่อได้รับการสนับสนุนจาก ธ.ก.ส และหน่วยงานต่าง ๆ ชาวบ้านจึงรวมตัวตั้งเป็นกลุ่มเพื่อประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ โดยดึงจุดเด่นของท้องถิ่น ทั้งด้านทรัพยากรและความรู้อันเกิดจากภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดกันมา เช่น กลุ่มผลิตข้าวปลอดสารพิษ กลุ่มวิสาหกิจแปรรูปสับปะรดและสมุนไพรซางคำ กลุ่มผักปลอดสารพิษ กลุ่มแปรรูปหมู กลุ่มผลิตปูนาและหนูพุก กลุ่มแปรรูปใยสับปะรดเป็นกระดาษสา กลุ่มนวดแบบหมอพื้นบ้านล้านนาโบราณ เป็นต้น จนสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับชุมชนและทำให้สมาชิกซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อย มีรายได้เพิ่มขึ้น.- สำนักข่าวไทย