กรุงเทพฯ 29 ต.ค. – หอการค้าไทยชี้ผลสำรวจเอสเอ็มอีไทยตื่นตัวยกระดับโลจิสติกส์ เชื่อจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซ โดยการจัดส่งทางไปรษณีย์ไทยได้รับความนิยมสูงที่สุด
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจ “รูปแบบการใช้และการจัดการโลจิสติกส์เอสเอ็มอีไทย” จากกลุ่มตัวอย่าง 1,221 ตัวอย่าง พบว่า เอสเอ็มอีไทยมีการทำกิจกรรมโลจิสติกส์ที่หลากหลาย โดยร้อยละ 26.48 ซื้อวัตถุดิบและสินค้า, ร้อยละ 22.97 ส่งสินค้า, ร้อยละ 18.81 สตอกสินค้า, ร้อยละ 12.51 บรรจุหีบห่อและบรรจุภัณฑ์, ร้อยละ 7.23 ทำเอกสารนำเข้าและส่งออก, ร้อยละ 6.63 วางแผนการผลิต และร้อยละ 5.37 จัดการสินค้ารับคืน โดยแทบทุกกิจกรรมกลุ่มตัวอย่างระบุว่าจะทำเองยกเว้นแค่การจัดส่งสินค้าที่จะใช้วิธีว่าจ้างผู้อื่น
และเมื่อถามถึงระดับความสำคัญของระบบโลจิสติกส์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 46.1 ระบุว่า มีความสำคัญระดับปานกลางและเชื่อว่าในอีก 6 เดือนและ 1 ปีข้างหน้าจะมีความสำคัญมากทั้งธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง จดทะเบียน และไม่จดทะเบียน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโส มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าที่ผู้ประกอบการนิยมมากที่สุด คือ ไปรษณีย์ไทย ร้อยละ 20.37, เคอร์รี่ ร้อยละ 20.6, บริษัท ขนส่ง จำกัด ร้อยละ 16.76, LINE MAN ร้อยละ 12.78, บริษัท รถโดยสารเอกชน ร้อยละ 10.14, การรถไฟแห่งประเทศไทย ร้อยละ 8.71, Grab ร้อยละ 5.46, LALAMOVE ร้อยละ 2.55 และอื่น ๆ เช่น รถจักรยานยนต์รับจ้างร้อยละ 1.46, เครื่องบินร้อยละ 0.95 และบริษัทรถขนส่งเอกชน ร้อยละ 0.76
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว. กล่าวถึงผลการสำรวจดังกล่าวว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่างให้ความสำคัญด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งสินค้า บริหารสตอกสินค้าและการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ดังนั้นธนาคารจะนำผลสำรวจดังกล่าวไปพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่และบริการสนับสนุนให้ตรงกับความต้องการของเอสเอ็มอีที่อยากลงทุนเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มศักยภาพในระบบโลจิสติกส์และช่วยลดต้นทุนการจัดส่งสินค้า ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์และปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ ธนาคารมีสินเชื่อเถ้าแก่ 4.0 สำหรับนิติบุคคลคิดอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อปี ปลอดชำระเงินต้น 3 ปีแรก และสินเชื่อเศรษฐกิจติดดาว สำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปีใน 3 ปีแรก เพื่อธุรกิจเกษตรแปรรูป ท่องเที่ยวชุมชน รวมทั้งผู้ประกอบการใหม่ที่มีนวัตกรรม เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย