สำรวจพบคนกรุงเป็นหนี้ เกือบร้อยละ80

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 9 ต.ค.- ผลสำรวจพบคนกรุงเกือบร้อยละ 80 เป็นหนี้ โดยเป็นหนี้เรื่องบ้านและที่อยู่อาศัยมากสุด ขณะที่การกู้หนี้นอกระบบก็ยังไม่ลด เรียกร้องรัฐเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายทวงหนี้ให้เคร่งครัด และปรับลดดอกเบี้ยโครงการของรัฐให้ถูกกฎหมาย


มูลนิธิเพื่อผู้บรืโภค ร่วมกับ ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา แถลงผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนของประชาชนที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,171 กลุ่มตัวอย่างระหว่างวันที่ 24 -28 สิงหาคม 2561 ซึ่งต้องการสะท้อนความคิดเห็นในเรื่องหนี้สินครัวเรือน


ผศ.สิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการ ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กล่าวว่า จากผลสำรวจ พบว่าคนกรุงร้อยละ 77.5 ของกลุ่มตัวอย่างมีหนี้สิน มากสุดเป็นหนี้สินที่เกี่ยวกับการกู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 37.6 รองลงมา เป็นการกู้ซื้อรถยนต์ร้อยละ 28.2 และเป็นการกู้ยืมเงินนอกระบบจำนวน 18.8 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันการซื้อบ้าน หรือที่พักอาศัยเป็นเหตุผลหรือความจำเป็นอันดับแรกที่ทำให้คนกรุงต้องเป็นหนี้

โดยในการกู้ยืมแหล่งเงินกู้อันดับหนึ่งหรือร้อยละ 36.4 คือธนาคารพาณิชย์ รองลงมาร้อยละ 16.7 คือบริษัทไฟแนนซ์ลิสซิ่ง ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบการเป็นหนี้ คือต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ อย่างไรก็ตามร้อยละ 15.3 ยังใช้บริการของคนปล่อยกู้หรือหนี้นอกระบบอยู่เช่นเดิม 


ส่วนตัวเลขหนี้สินหรือการกู้ยืมเงินพบว่าร้อยละ 40 เป็นหนี้น้อยกว่า 100,000 บาท รองลงมาร้อยละ 30 เป็นหนี้ช่วง 1- 500,000 บาทและเป็นหนี้ 500,000 ถึง 1 ล้านบาทประมาณร้อยละ 17 และยังพบว่ากว่าร้อยละ 53 เคยผิดนัดผ่อนชำระหนี้ และที่เคยถูกทวงถามหนี้ โดยลักษณะการถูกทวงถามหนี้มากสุดร้อยละ 33 เป็นในลักษณะของจดหมายและไปรษณีย์เปิดผนึก รองลงมาเป็นการพูดจาไม่สุภาพและคิดดอกเบี้ยแพงเกินจริง และประมาณร้อยละ22 ของกลุ่มตัวอย่างคือเคยถูกดำเนินคดีฟ้องศาลและยึดทรัพย์

น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า จากตัวเลขการเป็นหนี้ของคนกรุง ที่น่าเป็นห่วงคือจำนวนของการไปกูหนี้นอกระบบที่ยังคงไม่ลดลง แม้รัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือ เช่น โครงการสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง หรือสินเชื่อพิโก และสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือนาโนไฟแนนซ์ แต่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงถึงร้อยละ 36 ต่อปีจึงไม่จูงใจให้มีการไปใช้บริการแทนการกู้ยืมนอกระบบ  ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จะทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อให้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ทั้งสองโครงการให้เป็นไปตามกฎหมายควบคุมสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่ต้องไม่เกินร้อยละ 15 เช่นเดียวกับสินเชื่ออื่นๆ เพื่อจูงใจให้ประชาชนไปใช้บริการ 

ด้านนฤมล เมฆบริสุทธิ์  เลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการเงินและการธนาคาร เครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช. ) กล่าว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนกันยายน 2561 เครือข่ายผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้รับการร้องเรียนเรื่องการเงินการธนาคารรวม 392 ราย มากสุดเป็นปัญหาเรื่องหนี้สินจำนวน 349 รายซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาจากหนี้บัตรเครดิต 160 ราย หนี้จากการเช่าซื้อ 105 ราย หนี้จากสินเชื่อส่วนบุคคล  80 ราย และหนี้นอกระบ 4 ราย 

โดยปัญหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องการถูกติดตาม หรือทวงถามหนี้ ที่มีการข่มขู่คุกคาม  รวมทั้งมีการคิดค่าติดตามและทวงหนี้ในอัตราสูงตั้งแต่หลักพันถึงหลายพันบาท โดยเฉพาะจากไฟแนนซ์ หรือลิสซิ่ง ที่มีการคิดราคาค่าติดตามราคาสูงมาก และสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภค และไม่ได้กำหนดอัตราที่ชัดเจน ดังนั้นจึงได้ประสานไปยังคณะกรรมการการทวงถามหนี้ เพื่อให้ออกหรือกำหนดหลักเกณฑ์และกำหนดอัตราค่าติดตามและทวงถามหนี้ให้ชัดเจน และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบและ รู้สิทธิโดยเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เนื่องจาก พ.ร.บ. การทวงถามหนี้ได้ออกมามีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2558 แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์หรือค่าติดตามทวงหนี้ที่ชัดเจน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก