รัฐสภา 4 ต.ค.-ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับหลักการร่างกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น 6 ฉบับวาระแรก ให้สอดรับกับรัฐธรรมนูญใหม่ที่บัญญัติและคำนึงถึงเจตนารมณ์ป้องกันและปราบปรามทุจริต
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธาน พิจารณาร่างกฎหมายท้องถิ่น 6 ฉบับ ประกอบด้วยร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ร่างพ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล ร่างพ.ร.บ.เทศบาล ร่างพ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด ร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร และร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยพิจารณาพร้อมกัน เนื่องจากเป็นร่างกฎหมายที่มีความเชื่อมโยงกัน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงหลักการและเหตุผลของร่างกฎหมายทั้ง 6 ฉบับ เพื่อให้สอดรับกับรัฐธรรมนูญใหม่ที่บัญญัติให้สมาชิกสภาท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้งและผู้บริหารท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้งหรือจากความเห็นชอบของสภาท้องถิ่น หรือกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษจะมาโดยวิธีอื่นก็ได้ แต่ต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งหลักเกณฑ์ และวิธีเลือกให้เป็นไปตามกฎหมายบัญญัติ ซึ่งต้องคำนึงถึงเจตนารมณ์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามแนวทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงสมควรปรับปรุงกฎหมาย
สำหรับร่างกฎหมายท้องถิ่น ทั้ง 6 ฉบับ มีรายละเอียดสำคัญ คือ การกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นเทียบเท่าคุณสมบัติของ ส.ส. เช่น จะต้องไม่เคยถูกพิพากษาจนถึงที่สุดว่าทุจริตเลือกตั้ง หรือกระทำผิดกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เป็นต้น และยังกำหนดข้อห้าม ผู้บริหารท้องถิ่น มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือเอื้อประโยชน์ในสัญญาที่ดำเนินการกับท้องถิ่น และห้ามใช้งบประมาณไปอบรมและดูงานต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร กำหนดให้ผู้ว่ากรุงเทพมหานครและตำแหน่งอื่น ๆ ในปัจจุบันดำรงตำแหน่งจนกว่าจะเลือกตั้งใหม่ แต่หากจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ต้องลาออกจากตำแหน่งภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการกำหนดวันเลือกตั้ง ส่วนสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร (ส.ข.) ร่างกฎหมายยังคงกำหนดให้มี แต่จะต้องปรับปรุงกฎหมายระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ก่อนจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขต(ส.ข.) มิเช่นนั้นจะยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งส.ข.ได้
สำหรับการจัดการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นระดับต่าง ๆ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)จะเป็นผู้จัดการเองหรืออาจจะมอบหมายให้หน่วยงานอื่น อาทิกระทรวงมหาดไทยดำเนินการภายใต้การควบคุมของกกต.ได้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่การจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งแรกนับจากนี้ เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นสมควรจะดำเนินการแล้ว จะต้องแจ้งให้กกต.รับทราบเพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง
ขณะที่สมาชิกสนช.หลายคนอภิปรายแสดงความเป็นห่วง เช่น นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสนช.ที่ห่วงเรื่องการใช้งบประมาณและวิธีป้องกันการทุจริตเลือกตั้งท้องถิ่นให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและเสียดายที่ไม่ได้กำหนดหรือจำกัดวาระการทำงานผู้บริหารท้องถิ่นให้ชัด เพราะไม่อยากให้มีเจ้าพ่อท้องถิ่น อยากให้คนหน้าใหม่เข้ามาพัฒนาท้องถิ่น
ขณะที่พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกสนช. อภิปรายถึงวาระของผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งในรัฐธรรมนูญ 2560 ได้เล็งเห็นความสำคัญว่า หากผู้บริหารระดับสูงจะดำรงตำแหน่งยาวนานเกินไปย่อมมีข้อเสียมากกว่าข้อดี และประชาชนจะได้รับผลกระทบมากที่สุด จึงได้บัญญัติวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีไว้ไม่ให้เกิน 8 ปี ดังนั้น ผู้บริหารท้องถิ่นควรมีลักษณะเช่นเดียวกัน โดยกำหนดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงไม่เกิน 8 ปี ส่วนการกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้บริหารท้องถิ่น เห็นว่า ควรมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี สอดคล้องกับอายุของรัฐมนตรี โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนจังหวัด กทม.และพัทยา เพราะต้องบริหารจัดการงบประมาณจำนวนมาก
พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจงว่า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ชัดเจนว่ากฎหมายท้องถิ่นจะแล้วเสร็จเมื่อใด ดังนั้น การกำหนดว่าจะทำอะไรก่อนหรือหลังการเลือกตั้งทั่วไปจึงไม่สามารถทำได้ เพราะยังไม่แน่นอน อีกทั้งกกต.ระบุว่า อยากให้การเลือกตั้งทั่วไปและการเลือกตั้งท้องถิ่นมีระยะห่าง 90 วัน
จากนั้น ที่ประชุมสนช.มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นวาระแรกด้วยคะแนน 168 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นจำนวน 34 คน กำหนดกรอบการทำงาน 60 วัน แปรญัตติ 15 วัน หลังจากนั้นที่ประชุมสนช.มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่างพ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล ด้วยคะแนน 168 งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบลจำนวน 24 คน กำหนดกรอบการทำงาน 60 วัน แปรญัตติ 15 วัน
ในโอกาสนี้ ที่ประชุมสนช.มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่าง พ.ร.บ.เทศบาลด้วยคะแนน 170 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง โดยมอบหมายให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นผู้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ พร้อมกำหนดกรอบการทำงาน 60 วัน แปรญัตติ 15 วัน ที่ประชุม สนช.มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่าง พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด ด้วยคะแนน 171 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง โดยมอบหมายให้ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นผู้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ พร้อมกำหนดกรอบการทำงาน 60 วัน แปรญัตติ 15 วัน
ที่ประชุม สนช.มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ด้วยคะแนน 169 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครจำนวน 23 คน กรอบการทำงาน 60 วัน แปรญัตติ 15 วัน และที่ประชุม สนช.มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา ด้วยคะแนน 169 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง โดยมอบหมายให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ กรอบการทำงาน 60 วัน แปรญัตติ 15 วัน.-สำนักข่าวไทย
