ธปท.เตรียมใช้เกณฑ์ปล่อยสินเชื่อบ้านหลังที่ 2 มูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไปปีหน้า

กรุงเทพฯ 4 ต.ค.- ธปท.เล็งออกคลอดมาตรการคุ้มเข้มปล่อยสินเชื่อบ้านใหม่ปีหน้า เน้นคุ้มเข้มสัญญาที่ 2 ขึ้นไป หรือที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป การให้กู้ต้องนับรวมสินเชื่อ ท็อป-อัพทุกประเภทด้วย โดยจะปล่อยกู้ได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 80 พร้อมกำหนดต้องวางเงินดาวน์อย่างน้อยร้อยละ 20 


สืบเนื่องจากการแข่งขันปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงที่ผ่านมา ของสถาบันการเงินมีแข่งขันสูง จนทำให้มาตรฐานการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินลดลง ในช่วงบ่ายวันนี้ (4 ต.ค.) นางวจีทิพย์ พงษ์เพ็ชร ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) พร้อมด้วย นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการ กลุ่มงานด้านเสถียรภาพระบบการเงิน ธปท. เปิดแถลงแนวนโยบายการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยการแถลงครั้งนี้ ธปท.ระบุว่า จะออกมาตรการดูแลการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เข้มข้นมากขึ้น มีกำหนดเริ่มกับการปล่อยสินเชื่อใหม่ตั้งแต่ 1 ม.ค.62 ซึ่งธปท. เน้นดูแลการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย สัญญาที่ 2 ขึ้นไป หรือที่อยู่อาศัยที่มี ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ยังรวมถึงสินเชื่อเก่าที่รีไฟแนนซ์ด้วย ก็จะต้องอยู่ในเกณฑ์ใหม่นี้เช่นกัน

สำหรับแนวทางดูแลการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ ที่ธปท.เสนอ กำหนดให้ผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย จะต้องวางเงินดาวน์อย่างน้อยร้อยละ 20 ของมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ขอสินเชื่อ จากที่ปัจจุบัน กำหนดไว้ว่า  ควรวางเงินดาวน์อย่างน้อยร้อยละ 20 สำหรับราคาที่อยู่อาศัย 10 ล้านบาทขึ้นไป  ขณะที่ผู้ที่ขอสินเชื่อสัญญาที่ 2 ขึ้นไป   สำหรับการกู้ตั้งแต่หลังที่ 1 ควรวางดาวน์อย่างน้อยร้อยละ 5-10


นอกจากนี้ ข้อกำหนดใหม่ ยังให้การปล่อยสินเชื่อ ต้องนับรวมสินเชื่อ ท็อป-อัพทุกประเภทด้วย ที่ใช้หลักประกันเดียวกันในการคำนวณด้วย โดยนับตั้งแต่เงินกู้เพื่อซื้อบ้าน บวกกับสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจ่ายเบี้ยประกันชีวิต สินเชื่อเพื่อการปรับปรุง/ต่อเติม/ซ่อมแซม เป็นต้น  ขณะที่ปัจจุบันนับเฉพาะเงินกู้เพื่อซื้อบ้านเท่านั้น

สำหรับข้อเสนอแนวนโยบายในการดูแลการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ ธปท. เริ่มเผยแพร่ ตั้งแต่วันนี้ (4 ต.ค.)เป็นต้นไปพร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านช่องทาง เว็บไซด์ของธปท. และจะปิดรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 22 ต.ค.นี้  ซึ่ง ธปท. มีกำหนดที่จะจัดประชุมชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นจากสถาบันการเงิน ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ในสัปดาห์หน้าวันที่ 11 ต.ค.นี้ จากนั้นในเดือนพ.ย.61 จะออกประกาศ กำหนดใช้เกณฑ์ดูแลการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งมีกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปี 62 เป็นต้นไป

นางวจีทิพย์ กล่าวว่า ธปท.ไม่ได้พูดถึงความร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์จนเกิดเป็นฟองสบู่  แต่กำลังพูดถึงการให้สินเชื่อเกินกว่าความต้องการบ้าน ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลให้ผู้กู้ มีหนี้มากเกินความจำเป็น  สุดท้ายจะมีผลกระทบต่อราคาบ้าน ทำให้ราคาบ้านเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบผู้ที่อยากจะมีบ้านหลังแรก ต้องไปซื้อบ้านในราคาที่แพงจนเกินไป ซึ่งมีผลกระทบต่อหลายๆ ส่วน ดังนั้นสิ่งที่ธปท.กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้คือ กำลังสร้างมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่ระมัดระวัง ที่ปลอดภัยสำหรับสถาบันการเงินผู้ให้กู้และผู้กู้ด้วย โดยกำหนดบังคับใช้ในปีหน้าเป็นต้นไป เฉพาะการปล่อยสินเชื่อใหม่ รวมถึงการขอรีไฟแนนซ์ โดยถ้าการขอสินเชื่อบ้านหลังที่ 2 หรือบ้านที่มีราคาเกิน 10 ล้านบาท สถาบันการเงินจะให้กู้ได้ไม่เกินร้อยละ 80 แต่ถ้าหากเป็นบ้านหลังแรกที่ราคาไม่เกิน 10 ล้าน ธปท.ไม่ได้มีการออกเกณฑ์ใหม่เพิ่มเติมแต่อย่างใด ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนคือ การมีวินัยในการก่อหนี้มากขึ้น และจะมีประโยชน์ต่อคนที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรกด้วย ซึ่งธปท.ขอความร่วมมือสถาบันการเงินในการให้สินเชื่ออย่างระมัดระวังด้วย


นางวจีทิพย์ กล่าวว่า  สถานการภาคอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันที่ระดับราคาปรับเพิ่มขึ้น ธปท.เห็นว่า การปรับขึ้นไม่รุนแรงเพียงแต่ธปท.พิจารณาเรื่องวินัยในการก่อหนี้ เพื่อป้องกันดีมานด์เทียม เพื่อป้องกันประชาชนไปก่อหนี้โดยที่ยังไม่ได้ประเมินว่า ซื้อบ้านแล้วในอนาคตบ้านราคาตกลงจะมีผลกระทบต่อตัวเองอย่างไร แต่ถ้าหากเป็นการลงทุนปล่อยเช่า หรือขายต่อ ก็จะมีผลกระทบเกิดขึ้น และมีผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ได้

สำหรับระดับเอ็นพีแอลหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในปัจจุบันนั้น ยังไม่อยู่ในระดับสูงจนธปท.กังวล แต่มีคุณภาพเสื่อมลงบ้าง มาตรการที่ธปท.ทำคือ มาตรการเชิงป้องกัน ซึ่งธปท.มองว่า มาตรการดูแลการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ที่จะเริ่มต้นใช้ในปีหน้านั้น  ในช่วงเริ่มต้นของการใช้มาตรการ อาจจะมีการปรับตัวบ้าง แต่ธปท.ไม่ได้ใช้มาตรการนี้กับสินเชื่อที่ปล่อยไปแล้วก่อนหน้านี้ จึงเชื่อว่าจะมีการปรับตัวได้ และทราบว่าทางภาคอสังหาริมทรัพย์รอดูมาตรการอยู่ เตรียมปรับตัวอยู่แล้ว ส่วนผู้ตัดสินใจที่จะซื้อบ้านหลังที่ 2 หรือบ้านหลังแรกที่มีราคาสูง บางส่วนมีเงินออมอยู่แล้ว บางส่วนก็จะต้องใช้เวลาในการสะสมเงินออมระดับหนึ่ง 

“สิ่งที่ธปท.ทำเรียกว่า ไม่ถึงกับเบรค เป็นการชะลอความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้ลดลง และเชื่อว่า ความเสี่ยงที่ทำท่าจะก่อตัวจะลดลงไป”นางวจีทิพย์ กล่าว

นายสักกะภพ กล่าวว่า มาตรการคุ้มเข้มการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ ที่จะเริ่มใช้ในปีหน้าของธปท. เป็นมาตรการเชิงป้องกันมากกว่าเชิงแก้ไข สำหรับการขอสินเชื่อใหม่ที่อยู่อาศัยในปีที่ผ่านมา มีจำนวน 100,000 บัญชี วงเงินรวมประมาณ 300,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 15,000 บัญชี หรือคิดเป็น ร้อยละ 15 ของจำนวนบัญชีทั้งหมด เป็นสัญญาที่ 2 และเป็นสัญญาเงินกู้ที่มีมูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยในจำนวนนี้ มีการปล่อยสินเชื่อเกินกว่าร้อยละ 80 หรือเกิน threshold ที่กำหนดของมูลค่าบ้านที่เป็นหลักประกัน มีจำนวนรวม ประมาณ 10,000 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลขสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คงค้างสะสมมียอดรวม 3 ล้านล้านบาท 

มาตรการที่เสนอ ธปท. จะช่วยลดดีมานด์เทียม และลดโอกาสการเก็งกาไรที่จะทาให้ราคาเร่งขึ้นมากเกินปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งจะช่วยให้ ประชาชนที่ซื้อเพื่ออยู่จริง (real demand) สามารถซื้อบ้านได้ในราคาที่เหมาะสมมากขึ้น เพราะ อุปสงค์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนและเก็งกาไรจะลดลง ขณะที่ประชาชนที่ซื้อเพื่อลงทุน รับความเสี่ยงได้ดีขึ้น ไม่ประเมินความเสี่ยงต่าเกินควร และลดโอกาสที่จะถูกผลกระทบจาก การปรับลดลงของราคาอสังหาริมทรัพย์ 

ด้าน ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ สามารถวางแผนลงทุนได้อย่างเหมาะสม และลดความเสี่ยงจากโอกาสเกิดฟองสบู่ ขณะที่สถาบันการเงิน คุณภาพสินเชื่อจะดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดภาระกันสารองในอนาคต และ มีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของมูลค่าหลักประกัน และเศรษฐกิจไทย จะมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งจะเอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]