กรุงเทพฯ 1 ต.ค.- ตำรวจยืนยันไม่มีเจ้าหน้าที่ไทยและพม่าเข้าไปเกี่ยวข้องขบวนการหนังสือรับรองวีซ่าให้กับกลุ่มผู้ต้องหาฉ้อโกงชาวจีนกว่า 27,350ล้านบาท เตรียมควบคุมตัวส่งกลับจีน
พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลจับกุมนายกู่ เทียนหลง ,นายหวัง เจียนจุน, นางสาวชู หลิงเหม่ย ,นายหนอง ไข่หมิง หลังได้รับการอนุญาตของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้เปิดบริษัทระดมทุนทางการเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 5,470 ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 27,350 ล้านบาท
พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนมีพฤติการณ์เปิดให้ระดมทุน มีชาวจีนเข้าร่วมลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากเห็นว่าเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล และได้รับเงินปันผล กำไร ดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าบริษัทอื่นๆ แต่เมื่อผู้ต้องหา4คนนี้ได้รับเงินลงทุนจากผู้เสียหาย ได้ทำการฉ้อโกงเงินและหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งจากเหตุดังกล่าวทำให้ทางการจีนต้องการตัวผู้ต้องหาเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผู้เสียหายนับแสนคนและมีการประท้วงในหลายมณฑลของจีน จึงได้ประสานตำรวจไทย จนสามารถจับกุมตัวได้ทั้งหมด หลังจากนี้จะส่งตัวให้ทางการจีนในการดำเนินคดีต่อไป
ส่วนที่ผู้ต้องหาบางราย ใช้หนังสือเดินทางวีซ่าของเมียนมาเข้าในประเทศไทย เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ เนื่องจากหากใช้หนังสือเดินทางของจีน เจ้าหน้าที่จะทราบทันทีว่า เป็นบุคคลที่ตำรวจกำลังติดตาม พร้อมกันนี้ได้มีการตรวจสอบว่า เจ้าหน้าที่ไทยและเมียนมา มีส่วนรู้เห็นในการออกหนังสือวีซ่าให้ผู้ต้องหาหรือไม่ เบื้องต้นจากการตรวจสอบยังไม่พบ ยืนยันว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ร่วมกันทำหนังสือเดินทางปลอม ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลไปถึงผู้ร่วมขบวนการ
นอกจากนี้ตำรวจยังจับกุมนายกึนโฮ โช สัญชาติเกาหลีใต้ ที่หนีหมายจับคดีข่มขืนและทำร้ายร่างกายจากประเทศเกาหลีใต้มากบดานอยู่ในประเทศไทยได้อีกหนึ่งรายด้วย โดยจากการตรวจสอบมีประวัติเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายและข่มขืน ที่ประเทศเกาหลีใต้ จำนวน 7 ครั้ง และ เป็นผู้ต้องหาที่ทางการเกาหลีใต้ต้องการตัวเป็นอย่างมาก ก่อนหลบหนีมาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนเมษายน 2558 จนกระทั่งตำรวจได้สืบทราบว่านายกึนโฮ พักอาศัยอยู่ แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. จึงวางแผนเข้าจับกุม โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมและก่อเหตุร้ายอันเกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน เบื้องต้นจึงได้มีการเพิกถอนการอนุญาตเข้าในราชอาณาจักร พร้อมทั้งส่งตัวให้ทางการประเทศเกาหลีใต้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย