กรุงเทพฯ 28 ก.ย.- ปส.แถลงจับยาเสพติด 3 คดีใหญ่ ยึดของกลางมูลค่ากว่า 755 ล้านบาท
พลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงจับกุม คดียาเสพติดสำคัญ 3 คดี มีผู้ต้องหา 6 คน พร้อมยึดยาบ้า กว่า 3.5 ล้านเม็ด กัญชา 161 กิโลกรัม ไอซ์ 5 กิโลกรัม เคตามีน 10 กรัม และทรัพย์สินอีกหลายรายการรวมมูลค่ากว่า 755 ล้านบาท
โดยคดีแรกตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ปส. จับกุม นายทนงชัย แซ่รี และนายสมชาย แซ่ย่าง ทั้ง2 เป็นชาว จ.น่าน ได้ที่บริเวณริมถนนสายเอเชีย ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พร้อมยาบ้า 3 ล้าน 6 แสนเม็ด ยาไอซ์ 5 กิโลกรัม หลังตำรวจรับแจ้งจะมีชาวม้งลักลอบนำยาเสพติดจากภาคเหนือใส่รถกระบะ เพื่อนำไปส่งยังพื้นที่ในจ.พระนครศรีอยุธยา จึงตั้งด่านตรวจสอบ พบรถกระบะต้องสงสัยจอดก่อนถึงด่าน จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบของกลางทั้งหมด
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง2 รับสารภาพว่ารับว่าจ้างจากนายทุนภาคเหนือ ให้นำยาบ้าไปส่งให้ลูกค้าในภาคกลาง แลกกกับค่าจ้าง 3 แสนบาท ตำรวจเร่งขยายผลติดตามนายจ้างมาดำเนินคดี
นอกจากนี้ตำรวจ ปส.4 ร่วมกับทหาร จับกุม นายสมพร หรือนุ่น อุ่นสกุล พร้อมพวก รวม 3 คน ยึดยาบ้ากว่า 84,000 เม็ด ยาไอซ์ 108 กรัม ยาเค น้ำหนัก 10.7 กรัม อาวุธปืน 4 กระบอก และกระสุนปืนอีก 95 นัด หลังสืบทราบว่านายสมพร ตั้งตัวเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.ปทุมธานี และใกล้เคียง จึงวางแผนล่อซื้อและนัดส่งมอบยาเสพติดกันบริเวณถนนรังสิต-นครนายก อ.ธัญญบุรี ก่อนจับกุมนายสมพรและพวกได้ที่ลานจอดรถภายในปั๊มน้ำมัน ใน.อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่ารับจ้างจากนายตู่ ให้นำยาไปส่งในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวนายตู่
คดีสุดท้ายได้ร่วมกับทหารจับกุมนายปิติพงษ์ เพราพริ้ง พร้อมกัญชาน้ำหนัก 161 กิโลกรัม ได้ที่บริเวณริมถนนสี่แยกบ้านห้วยเสียด อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี โดยตำรวจพบรถบรรทุกต้องสงสัย ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจอดอยู่ริมถนน จึงเข้าตรวจสอบ พบนายปิติพงษ์มีพิรุธ ก่อนตรวจค้นพบกัญชาซุกซ่อนอยู่ในตู้ทึบ รับสารภาพกัญชาทั้งหมดเป็นของตนเอง ก่อนแจ้งข้อหาและนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
พลตำรวจโทสมหมาย เปิดใจรู้สึกภูมิใจในการทำหน้าที่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ สิ่งสำคัญคือได้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดีร่วมกันปฎิบัติงาน ไม่ได้ยึดแนวทางการปราบปราม และบำบัดเพียงอย่างเดียว แต่ยังตัดวงจรการเงิน ซึ่งถือเป็นต้นทางของเครือข่ายยาเสพติด โดยปฎิบัติการชัยยะสยบไพรี สามารถตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่จำนวน 13 คดี จับกุมผู้ต้องหา 463 ราย ตรวจยึดทรัพย์สินได้ 1,472 รายการ รวมมูลค่ายาเสพติดและทรัพย์สิน 2 หมื่น 7 พันล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่ามีการจับยาเสพติดได้จำนวนมากขึ้นในแต่ละครั้ง ที่อาจทำให้หลายคนมองว่ามีการนำยาเสพติดกลับมาวนซ้ำ ในเรื่องนี้ยืนยันว่ายาเสพติดที่จับได้ในแต่ละคดี จะต้องส่งไปยังคลังยาเสพติด องค์การอาหารและยา (อย.) ภายใน 1 สัปดาห์ และเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็จะนำไปเผาทำลาย ไม่มีใครสามารถเอาออกมาได้ เช่นเดียวกับการที่องค์การเภสัชกรรม จะขอกัญญาไปวิจัยเพื่อรักษาทางการแพทย์ยังต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบ และส่งมอบอย่างเข้มงวด
พลตำรวจโทสมหมาย ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า กัญชารักษามะเร็งได้ ขอให้คนไทยยอมรับได้แล้ว เพราะอยากให้ได้รับการรักษาที่ดี ไม่ใช่ให้ต่างประเทศนำสมุนไพรของไทยนำไปวิจัยและใช้ในการรักษา ขณะที่คนไทยนำไปเผาทิ้งโดยไม่เกิดประโยชน์ .-สำนักข่าวไทย