ไทยตั้งเป้าผลิตรถไฟฟ้าร้อยละ 25 ในปี 79

กรุงเทพฯ 21 ก.ย. – กระทรวงอุตสาหกรรมย้ำตั้งเป้าภายในปี 2579 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ร้อยละ 25 ของการผลิตทั้งหมด แนะอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในงานสัมมนา “20 ปี สถาบันยานยนต์ ทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์” ว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งเป้าหมายที่จะให้การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV คิดเป็นร้อยละ 25 ของการผลิตทั้งหมดภายในปี 2579 และมั่นใจว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีความพร้อม ทั้งบุคลากรและซัพพลายเชนที่เข้มแข็ง และจะสามารถรักษาการเป็นฐานการผลิตสำคัญในอาเซียนต่อไป

นายสมชาย กล่าวว่า 5 ปีนับจากนี้จะอยู่ในช่วงของการสนับสนุนส่งเสริมให้มีการลงทุนผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทุกประเภท เพื่อให้ครอบคลุมเทคโนโลยีของแต่ละค่ายที่มีทิศทางแตกต่างกันทั้งรถยนต์ประเภทไฮบริด ไฮบริดปลั๊กอิน รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ รวมถึงชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าและสถานีอัดประจุไฟฟ้าภายใต้การส่งเสริมของกระทรวงพลังงาน  ด้านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีเงื่อนไขที่ดีสำหรับผู้ลงทุน ปัจจุบันมีผู้ยื่นลงทุน 4-5 ราย โครงสร้างพื้นฐานรองรับ เช่น  สถานีชาร์จ ด้านมาตรฐานรถยนต์ไฟฟ้าก็พร้อมแล้ว ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) 


ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในภาพรวมขณะนี้ แบ่งได้ 3 กุล่ม คือ กลุ่มแรก เมื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแล้วชิ้นส่วนที่ผลิตจะไม่ถูกนำใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า กลุ่มที่ 2 ยังมีการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในปัจจุบันบางส่วน และกลุ่มที่ 3 จะต้องลงทุนผลิตชิ้นส่วนใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า สำหรับการพัฒนาเอสเอ็มอีที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ขณะนี้ได้รับการช่วยเหลือพัฒนายกระดับ โดยใช้บิ๊กบราเธอร์ช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเอสเอ็มอี โดยมีบริษัท เด็นโซ่ เข้ามาช่วยเหลือ นำ การพัฒนา Lean Automation System  Integrator  หรือ LASI Project   

ด้านสถาบันยานยนต์จึงตั้งศูนย์วิจัยยานยนต์สมัยใหม่หรือ Next Generation Automotive Research Center เพื่อศึกษาและวิจัยแนวโน้มเทคโนโลยีและนวัตกรรมของยานยนต์ พร้อมเตรียมความพร้อมด้านทรัพยากรมนุษย์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้สอดคล้องกับเทคโนโลยียานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไป

นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า ปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์สำคัญ เป็นผู้ผลิตยานยนต์อันดับ 12 ของโลก แต่จากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการที่ไทยมีโปรดักส์แชมป์เปี้ยน คือ รถกระบะและอีโคคาร์ ซึ่งใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ขณะที่แนวโน้มการผลิตรถยนต์สมัยใหม่มุ่งสู่การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตรถยนต์ไทยจึงต้องปรับตัว ซึ่งสถาบันยานยนต์ไทยเตรียมพร้อมด้วยการปรับนโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เพื่อส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปรับตัวและก้าวทันกระแสการเปลี่ยนแปลง


ส่วนการปรับสายการผลิตรถอีโคคาร์ไปสู่อีโคอีวีนั้น อีโคคาร์และอีโคอีวี มีหลักการการผลิตแนวเดียวกัน แต่เมื่อจะปรับไปสู่การผลิตอีโคอีวีจะต้องปรับปรุงมาตรฐานต่าง ๆ เพิ่ม เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ทั้งแบตเตอรี่ และอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งสถาบันยานยนต์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้สามารถก้าวหน้าต่อไป 

นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน ผู้ทำการแทนผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า ประเทศไทยเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้เป็นปีที่ 57 แล้ว อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสามารถขึ้นมาเป็นฐานการผลิตมากที่สุด อันดับที่ 12 ของโลก ไทยสามารถรักษาตำแหน่งนี้มาได้พอสมควร โดยเคยทำได้ถึงอันดับที่ 9 เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันไทยมีกำลังการผลิตรวม 3 ล้านคันต่อปี ใช้กำลังจริงประมาณ 2 ล้านคันต่อปี แต่คาดว่าจากสภาพตลาดที่ฟื้นตัวขึ้นคาดว่าการใช้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น โดยภาพรวมปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ 11 ราย จักรยานยนต์ใช้ไทยเป็นฐานการผลิต โดยมีแนวโน้มเป็นการผลิตบิ๊กไบค์ 7 ราย และมีผู้ผลิตชิ้นส่วน 2,200 ราย 

นายอิดิศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีข้างหน้าจะเป็นทศวรรษของการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ซึ่งปีที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีเห็นชอบนโยบายปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยมุ่งสู่การผลิตยานยนต์สมัยใหม่มีมาตรการรองรับทั้งการส่งเสริมการลงทุน ส่งเสริมปริมาณการใช้ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับ เช่น สถานีชาร์จ และมาตรฐานความปลอดภัย การจัดการกับแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว เป็นต้น ซึ่งสถาบันการยานยนต์มีการปรับบทบาทให้สอดคล้องเช่นกัน และจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว สถาบันยานยนต์จะติดตามและวิเคราะห์และนำมารายงานสู่ผู้ที่เกี่ยวข้องนำเสนอภาครัฐและภาคเอกชน ประชาชนต่อไป 

สำหรับมาตรการส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของไทย มาตรการชุดแรก มุ่งส่งเสริมผลิตรถไฮบริด โดยกำหนดให้ผู้ผลิตที่สนใจยื่นโครงการภายในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ยื่น 7 ราย ปัจจุบันอนุมัติลงทุน 5 ราย โดยเป็นการลงทุนผลิตทั้งรถยนต์กลุ่มไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด 3 ราย และรถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริด 2 ราย ปีนี้มีการยื่นขอลงทุนผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดอีก 1 ราย รวมเป็น 8 ราย  ซึ่งมาตรการส่งเสริมการผลิตรถประเภทปลั๊กอินและรถอีวี ให้ยื่นขอรับส่งเสริมโครงการลงทุนไม่เกินสิ้นปีนี้ ส่วนการพัฒนาต่อยอดอีโคคาร์ สู่การเป็นอีโคอีวี ปัจจุบันอีโคคาร์เข้าสู่ระยะที่ 2 ส่วนการจะปรับไปสู่การผลิตเป็นอีโคอีวี นั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการศึกษา

นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ณ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทราช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้ามาใช้บริการรวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ได้ ขณะเดียวกันสถาบันยานยนต์จะยกระดับการทำงานให้มีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ให้บริการสะดวกรวดเร็วมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยพัฒนาจนมีศักยภาพและกำลังการผลิตปีละ 3 ล้านคัน ส่งออกรถยนต์ปีละกว่า 1 ล้านคัน สร้างรายได้คิดเป็นร้อยละ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)  จากความท้าทายที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ตลาด พฤติกรรมผู้บริโภคและผู้เล่นรายใหม่ ตลอดจนความเปลี่ยนแปลงทางด้านสิ่งแวดล้อมโลก ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วง 10 ปีข้างหน้า จะต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

เพื่อไทยขอบคุณทุกคะแนนเสียงเทให้ “สง่า” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – พรรคเพื่อไทย ขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชน หลังผลเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ “สง่า” ชนะขาด “สุทัศน์” จากพรรคประชาชน เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความภายหลังผลการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 อย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า นายสง่า พรมเมือง ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ชนะขาดนายสุทัศน์ ยาละ ผู้สมัครของพรรคประชาชน หมายเลข 2 โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทย ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน ที่ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชียงราย จากพรรคเพื่อไทย ทีมงานทุกคน พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ เพื่อชีวิตที่ดี เพื่อไทยทุกคน.-316-สำนักข่าวไทย

“เพื่อไทย” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย

เชียงราย 14 ก.ย. – ผลคะแนนเลือกตั้ง สส.เชียงราย เขต 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง (อย่างไม่เป็นทางการ) ณ เวลา 19.39 น. “สง่า พรมเมือง” พรรคเพื่อไทย คะแนนนำโด่งทิ้งคู่แข่ง “สุทัศน์ ยาละ” พรรคประชาชน กว่า 2 หมื่นคะแนน ขณะที่เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ขอบคุณประชาชนเทคะแนนให้ “สง่า” คว้าชัย. – สำนักข่าวไทย

ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีที่ไม่เกี่ยวกับบัญชีม้า

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวให้ประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า แจงระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชี ยังคงทำธุรกรรมได้ปกติ ส่วนบัญชีม้าจะไม่ปลดล็อกเด็ดขาด พร้อมแจงการอายัดบัญชีทำได้เฉพาะกรณีที่มีหมายจากตำรวจเท่านั้น ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมการดำเนินมาตรการเพิกถอนการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวในบัญชีที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นผลมาจากการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ เปิดเผยว่า ตามที่มีกรณีประชาชนได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ซึ่งธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว โดยจะมีการระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชีแต่อย่างใด ซึ่งบัญชีธนาคารนั้นยังคงสามารถทำธุรกรรมได้อยู่ตามปกติ ในส่วนของการอายัดบัญชีเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการอายัดบัญชี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมีหมายอายัดเท่านั้น ทั้งนี้ […]

จนท.ห้ามล่าสัตว์ป่า หายตัวปริศนา 3 วัน หลังไปขายลอตเตอรี่

อุทัยธานี 14 ก.ย.- แม่เศร้าลูกชาย ซึ่งเป็น จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา หายตัวปริศนา 3 วัน หลังออกเวรไปเร่ขายลอตเตอรี่ แต่จนถึงขณะนี้ ยังติดต่อไม่ได้ นางจำรัส อายุ 57 ปี ชาวบ้านบึงเจริญ หมู่ 9 ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี นำเบาะแส เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด มอบให้สื่อมวลชน ช่วยเป็นกระบอกเสียง ในการตามหาลูกชาย คือนายเอกฉัตร อายุ 39 ปี ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา ต.ระบำ อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนาน 3 วัน โดยภาพวงจรปิดเมื่อวันที่ 7 กันยายน นายเอกฉัตรนำแผงลอตเตอรี่มาขาย ที่ร้านของชำของแม่ ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ สีแดงออกไป กระทั่งล่าสุด วันที่ 11 กันยายน กล้องอีกจุดจับภาพนายเอกฉัตร ขี่รถจักรยานยนต์ สีเขียว ทะเบียน 1ขอ […]