ก.ศึกษาฯ 20 ก.ย.-รมว.ศึกษาฯ ชี้อาจารย์มหาวิทยาลัยควรคิด อยากได้คนหนุ่มสาว หรือสูงวัยเป็นอธิการบดี ช่วยเเก้ปม เเต่งตั้งอธิการบดีอายุ เกิน 60 ปีขึ้นไป
กรณีนายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) หารือร่วมกับนายกสภามหาวิทยาลัย และอุปนายกสภามหาวิทยาลัย จำนวน 58 แห่งเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจจะส่งผลต่อสถาบันศึกษาของรัฐที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีและที่อยู่ระหว่างกระบวนการเสนอแต่งตั้งบุคคลที่มีอายุเกิน 60ปีขึ้นไป หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติสภามหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.) กาญจนบุรี ในการประชุมครั้งที่ 11/2551 เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2551 ที่แต่งตั้งนายปัญญา การพานิช ซึ่งมีอายุเกิน 60 ปี เป็นผู้รักษาการแทนอธิการบดี มรภ.กาญจนบุรี โดยวินิจฉัยว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย โดยเสียงที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นว่า พ.ร.บ.ได้กำหนดให้อธิการบดีจะต้องพ้นจากตำแหน่งได้ในกรณีใดบ้างซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการมีอายุ 60 ปี ขณะเดียวกันคำสั่งศาลจะมีผลผูกพันเฉพาะกรณีเท่านั้นและนายสุภัทร เตรียมเสนอ 4 แนวทางให้ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาเลือกเพื่อแก้ไขปัญหา ขณะที่ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย(ทปสท.)จี้ให้อธิการบดีที่อายุเกิน 60 ปี แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งนั้น
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า เท่าที่ตนดูได้รายงานผลการหารือร่วมกับระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) นายกสภาฯ และอุปนายกสภาฯ จาก 58 มหาวิทยาลัยรัฐทั่วประเทศที่เป็นส่วนราชการสกอ.เสนอ 3 แนวทาง แก้ไขปัญหา แท้จริงแล้วไม่ใช่แนวทางแต่เป็นการเสนอข้อกฎหมายให้พิจารณามากกว่า ประกอบด้วย 1.คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ผูกพันเฉพาะกรณี มรภ.กาญจบุรีเท่านั้น ที่มีปัญหาอธิการบดีที่อายุเกิน 60 ปี และยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน จึงไม่สามารถเป็นเกณฑ์กลางได้
2.กรณีที่เกิดขึ้นกับ มรภ.กาญจนบุรี จะไม่เป็นผลผูกพันกับหน่วยงานมหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบ แต่มีผลผูกพันกับมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐเท่านั้น และ3.กรณีที่เกิดขึ้นเป็นหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัยไปหาวิธีการแก้ไขปัญหากันเอง สภาฯ ต้องไปพิจารณาว่าในเมื่อศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษากรณี มรภ.เป็นตัวอย่างแล้วจะดำเนินการ แก้ไขปัญหาอย่างไร สำหรับการสรรหาอธิการบดีเป็นหน้าที่ตนในการเสนอทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง ต้องพิจารณาใหม่อย่างระมัดระวัง โดยดูจากคำตัดสินของศาลเป็นแนวทางว่าเมื่อเสนอทูลเกล้าฯ รายชื่อไปจะรบกวนเบื้องพระยุคลบาท ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือไม่
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า ต้องสอบถามอาจารย์ในมหาวิทยาลัยด้วย ไม่ว่าจะในกำกับหรือนอกกำกับของรัฐ ว่าอาจารย์เหล่านี้อยากได้อธิการบดีเป็นคนหนุ่มสาวหรือเป็นคนสูงวัย อย่าให้รัฐมนตรีคนตอบหรือตัดสินใจคนเดียว เพราะตนเองมีความคิดส่วนตัวของตน ดังนั้นทุกสภามหาวิทยาลัยต้องคิด แก้ไขปัญหาในเชิงบริหารให้ดี ทุกอย่างมีกฎหมายควบคุมอยู่แล้ว ไม่ว่าคิดอะไรต้องทำตามกฎหมาย ไม่ใช่มาเสนอแนวทางและข้อกฎหมายให้ตนทำ เช่น เสนอให้แก้ปัญหาโดยใช้ มาตรา44 ไม่ใช่เรื่องง่าย หรือจะให้ออกเกณฑ์กลาง ตัดเสื้อตัวเดียวมาควบคุมการสรรหาอธิการบดีไม่ได้ เพราะถ้าไม่ถูกใจไม่พอใจมาตำหนิตนอีก ดังนั้นทุกมหาวิทยาลัยต้องไปคิดหาทางออกเอง .-สำนักข่าวไทย