กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – ก.เกษตรฯ เชิญ 18 สถาบันการเงินเจ้าหนี้เจรจาเกษตรกร พร้อมประสานกรมบังคับคดีชะลอยึดทรัพย์
เครือข่ายสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรภาคกลางประมาณ 200 คน ชุมนุมหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยเรียกร้องให้สถาบันเจ้าหนี้หยุดบังคับคดียึดทรัพย์ขายทอดตลาด รวมทั้งขอมาตรการแก้ปัญหาที่ชัดเจนว่าจะช่วยเหลืออย่างไรต่อไป หากสิ้นสุดระยะเวลา 180 วันที่คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจขอขยายเวลาจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะถึงกำหนดวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้
นายณรงค์ อ่อนสอาด ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เชิญธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่เป็นเจ้าหนี้ รวม 18 แห่งมาเจรจากับเกษตรกรเป็นราย ๆ รวมทั้งหมด 286 ราย เบื้องต้นให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ขอความอนุเคราะห์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้สำนักงานบังคับคดีจังหวัดชะลอการบังคับยึดทรัพย์และขายทอดตลาดไว้ก่อน
ในวันนี้ (19 ก.ย.) สมาชิ กฟก.ทยอยเข้าเจรจากับสถาบันเจ้าหนี้ ซึ่งรายที่มีคุณสมบัติตามที่ กฟก.กำหนดไว้คือ มีหนี้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท เป็นหนี้ที่เกิดจากการกู้ไปทำเกษตรกรรมและใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันนั้น สถาบันเจ้าหนี้ได้รับเรื่องไว้พิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แต่อีกส่วนหนึ่งมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของ กฟก. คือ หนี้เกิน 2.5 ล้านบาท เป็นหนี้ที่ไม่ได้เกิดจากการกู้ไปทำเกษตรกรรม และเป็นหนี้ที่ใช้บุคคลค้ำประกันนั้น ยังไม่สามารถตกลงกับสถาบันเจ้าหนี้ โดยการเจรจายังไม่เสร็จต้องดำเนินการต่อในวันพรุ่งนี้
สำหรับลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของ กฟก.ได้ยื่นเรื่องต่อนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอให้ปรับข้อกำหนดเรื่องคุณสมบัติของสมาชิก กฟก.ให้ผู้ที่มีหนี้เกิน 2.5 ล้านบาท เป็นหนี้ที่ไม่ได้เกิดจากการทำเกษตรกรรมและเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่ในข่ายที่ กฟก.สามารถเข้ามาบริหารจัดการหนี้ได้ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหนี้จากสถาบันเจ้าหนี้หรือการประสานงานปรับปรุงโครงสร้างหนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ กล่าวว่า รัฐมนตรีไม่มีอำนาจแก้ไขข้อกำหนดเรื่องคุณสมบัติของสมาชิก กฟก. แต่ได้รับเรื่อง เพื่อนำหารือข้อกฎหมายกับคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยเครือข่ายสมาชิก กฟก.กลุ่มนี้ขอชุมนุมอยู่ที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์จนถึงวันที่ 23 กันยายนนี้.-สำนักข่าวไทย