กทม.19 ก.ย.-ผู้ว่าฯกทม.พร้อมด้วยผู้แทนกรมชลประทาน ลงพื้นที่ตรวจการเตรียมความพร้อม บริหารจัดการน้ำฝั่งตะวันออก ขอประชาชนวางใจ
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ลงพื้นที่ตรวจการเตรียมความพร้อมบริหารจัดการน้ำเหนือคลองแสนแสบ พร้อมผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ ผู้แทนกรมชลประทานร่วมลงพื้นที่
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ช่วงนี้ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีฝนตกหนักติดต่อกัน โดยสถานการณ์ฝนจะมีต่อเนื่องไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก ในพื้นที่เขตหนองจอก ลาดกระบัง คลองสามวา และมีนบุรี ซึ่งถือเป็นพื้นที่ลุ่ม และมีสภาพเป็นพื้นที่รับน้ำ ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนจนถึงปัจจุบัน มีปริมาณฝนที่ตกสะสมมากกว่า 200 มิลลิเมตร ถือว่าสูงกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้ปริมาณน้ำตามคูคลองและน้ำในทุ่งมีระดับน้ำสูงขึ้น และส่งผลให้ระดับน้ำในคลองแสนแสบสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่าสภาพอากาศในช่วงนี้จะมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงมีกำลังแรงต่อเนื่อง ส่งผลทำให้กรุงเทพฯด้านตะวันออก และด้านเหนือที่มีพื้นที่เป็นที่ราบลุ่มต่ำ ได้รับอิทธิพลจากฝนและรองรับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาเติมในพื้นที่ขึ้นอีก
ผู้ว่าฯกทม.กล่าวต่อไปว่า ในพื้นที่ตะวันออก จะมีการวัดระดับน้ำที่ประตูระบายน้ำมีนบุรี โดยจะเข้าสู่ระดับวิกฤตที่ 0.90 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง(ม.รทก.) ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วมตลิ่ง กระทบต่อประชาชนที่อาศัยตามแนวคลองแสบแสบฝั่งตะวันออก และพื้นที่เกษตรกรรมได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้พื้นที่ดังกล่าว มีระดับน้ำสูงถึง 0.87ม.รทก. ดังนั้นกทม.จึงต้องเร่งการระบายออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด
สำหรับการระบายน้ำในพื้นที่คลองแสนแสบ จะระบายออกสู่แม่น้ำบางปะกงและออกสู่ทะเล ผ่านทางอุโมงค์ระบายน้ำพระราม9 สู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่ง กทม.จะเร่งระบายน้ำไม่ให้เข้าสู่ระดับวิกฤติเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ กทม.ยังต้องมีการเฝ้าระวังน้ำเหนือ ซึ่งปล่อยจากเขื่อนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยจุดเฝ้าระวังระดับน้ำจะอยู่บางไทร ซึ่งระดับวิกฤติจะอยู่ที่การปล่อยน้ำ 1,200ลบ.ม.ต่อวินาที แต่ในปัจจุบัน การปล่อยน้ำยังอยู่ที่ 800ลบ.ม.ต่อวินาที ส่วน และเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุน ซึ่งระดับน้ำหนุนในระดับวิกฤติจะอยู่ที่จุดเฝ้าระวังปากคลองตลาดในระดับ 2.80 ม.รทก. ในปัจจุบันระดับน้ำทะเลหนุนอยู่ที่1.60ม.รทก. ซึ่งแม้จะยังไม่เข้าสู่ภาวะวิกฤติ แต่กทม. ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยประสานกรมชลประทาน ประชุมร่วมกันเพื่อบริหารจัดการน้ำทุกสัปดาห์ อีกทั้ง กทม.ยังมีการจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำ อุปกรณ์การระบายน้ำอื่นๆ และเตรียมเจ้าหน้าที่ ดูแลสถานการณ์น้ำตลอด 24ชั่วโมง
“ขอให้ประชาชนวางใจเรื่องน้ำท่วมใน กทม.จากการติดตามปัจจัยที่จะทำให้กรุงเทพฯน้ำท่วม คือน้ำเหนือ น้ำหนุน น้ำฝน ที่น่าห่วงมีแค่น้ำฝน มั่นใจว่ารับมือได้ และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้เป็นอย่างดี ปีนี้คนกรุงมั่นใจได้น้ำไม่ท่วมแน่นอน” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว.-สำนักข่าวไทย